25 เมษายน 2565
1,733

บริหารเงินอย่างไร ในยุคแห่งความผันผวน

Highlight

สงครามยูเครน-รัสเซีย,  Fed ขึ้นดอกเบี้ย จีนก็ผันผวนมาก สถานการณ์การลงทุนเป็นอย่างไร กองทุนไหนน่าลงทุนบ้าง คุณสุจารี จันทร์สว่าง CEO บลน.เวลท์ รีพับลิค จำกัด ได้ประเมินสถานการณ์การลงทุนรอบโลกและได้แนะนำกองทุนที่น่าสนใจในช่วงสถานการณ์นี้เพื่อนักลงทุนสามารถเลือกลงทุนและสร้างผลตอบแทนอย่างต่อเนื่อง


ตลาดมีความผันผวนมากขึ้นในช่วงนี้จากหลายปัจจัยรุมเร้า อย่างไรก็ตามสถานการณ์การลงทุนนั้นถือว่าหลายปัจจัยเข้าสู่ช่วงผ่อนคลาย และมีบางปัจจัยที่ต้องติดตามซึ่งอาจกระทบต่อการลงทุนในปี 2565 อีกทั้งกองทุนที่น่าสนใจลงทุนจะเป็นสินทรัพย์ประเภทไหนบ้าง คุณสุจารีย์ จันทร์สว่าง CEO บลน.เวลท์ รีพับลิค จำกัด จะฉายภาพการลงทุนหลังจากนี้ดูกัน

20220425-a-03.jpg

ปัจจัยหลักที่มีต่อภาวะตลาดผันผวนในขณะนี้

  • ดอกเบี้ยขาขึ้นและนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟดในการสกัดเงินเฟ้อ 
  • การระบาดของ Omicron 
  • สงครามรัสเซีย-ยูเครน
  • ความขัดแย้งสหรัฐกับจีน

ปัจจัยดอกเบี้ย 

ทิศทางดอกเบี้ยเริ่มชัดเจนมากขึ้น คุณสุจารีย์ มองว่าสถานการณ์ดอกเบี้ย ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟดเริ่มส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้น ตั้งแต่ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ตลาดรับรู้ข่าวร้ายไปแล้ว เพียงแต่ว่าตัวเลขจริงจะเท่าไหร่ ต้องติดตามในการประชุมในทุกๆเดือนของเฟดจะไปในทิศทางไหน แต่ตลาดก็ไม่ได้มองอะไรที่เลวร้ายกว่านี้แล้ว หากมีประกาศขึ้นดอกเบี้ยคงจะไม่ surprise แล้ว ดังนั้นหากมีการปรับดอกเบี้ยก็คงไม่ได้มีผลอะไรมากต่อภาวะตลาด  

การระบาดโอมิครอน-จีนล็อกดาวน์

หากจะมี surprise ก็คงเป็นเรื่องการระบาดโควิด-19สายพันธุ์ Omicron ในประเทศจีน เพราะจีนประกาศ lockdown ส่งผลกระทบต่อ supply chain ของโลก 

สงครามรัสเซีย-ยูเครน

ตลาดรับรู้ไปแล้วเหมือนกัน ไม่มีอะไร surprise เพิ่มเติม เพียงแต่บทบาทของจีน ในเรื่องสงครามรัสเซีย-ยูเครนมันจะทำให้สถานการณ์โลก มันเป็นอย่างไร รอดูท่าทีของแต่ละฝ่ายจะเป็นอย่างไร จะส่งผลต่อราคาพลังงานมากน้อยเพียงใด ต้องติดตามกันต่อไป

เงินเฟ้อ 

เมื่อเราพูดถึงเงินเฟ้อ กลายเป็นตัวเลขที่เป็นปัญหาหลักของโลกไปแล้ว เพราะเรื่องสงครามเป็นตัวที่มากระตุ้นให้ภาวะเงินเฟ้อรุนแรงขึ้น

ความขัดแย้งสหรัฐกับจีน 

เป็นปัญหาที่ยืดเยื้อมายาวนาน ตั้งแต่สงครามการค้า และตัวปัญหาข้างในของจีนเองที่เขามีออกกฎระเบียบใหม่ออกมาเกี่ยวกับ “Common Prosperity” ของจีนเองกลายเป็นปัจจัยหลักที่กดดันตลาดหุ้นจีน ทำให้ตกลงหนักมากในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจีนได้ยืนยันและให้ความเชื่อมั่นกับตลาดแล้วว่า จะดูแลทุกภาคส่วนให้มีการเกิดการแข่งขันที่ดีขึ้น ดูแลคุณภาพต่างๆของบริษัท  และประกาศเป้าหมาย GDP อยู่ที่ 5.5% ในปีนี้ ทำให้ตลาดคลายความกังวลขึ้น 

“ในวันนี้แม้จะมีข่าวร้าย แต่สิ่งที่ทุกคนมองเห็นมันเริ่มชัดเจนขึ้น ดังนั้นจังหวะการลงทุน มันเริ่มมาแล้ว” คุณสุจารีย์ กล่าว 

โอกาสในการลงทุน 

ดังนั้น เมื่อเรารับทราบข่าวร้ายอะไรมา และเรียนรู้ทันสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและอยู่กับมันได้ แม้กระทั่งเรื่องโอมิครอนที่มองดูน่ากลัว แต่เมื่อเราเรียนรู้ และอยู่กับมันได้ และเรียนรู้ในการใช้ชีวิตในสถานการณ์โรคระบาดก็ไปต่อได้ การลงทุนก็เช่นเดียวกัน จะเป็นสถานการณ์เดียวกัน เมื่อเรารู้สถานการณ์และมีความมั่นใจ เราก็ไปต่อได้ คุณสุจารีย์กล่าว

“ทุกอย่างในโลกการลงทุน ไม่ว่าสถานการณ์จะดีหรือเลวร้าย การจัดพอร์ตการลงทุนจะมีความสำคัญมากที่สุด คือเรื่องการกระจายการการลงทุน จัดพอร์ตให้ดี ให้เหมาะสม” คุณสุจารีย์ กล่าว

หลักการกระจายพอร์ตลงทุน 

นักลงทุนจะต้องประเมินความเสี่ยงที่จะรับได้ ระยะเวลาในการลงทุนและเป้าหมายในการลงทุน ดังนั้นนักลงทุนก็ต้องกำหนดเป้าหมายและแนวทางในการลงทุน เช่นบางคนลงทุนเพื่อต้องการเงินก้อนหนึ่งเป็นทุนให้กับลูก หรือบางคนมีเป้าหมายเพื่อเป็นเงินออมหลังเกษียนอายุ ดังนั้นเรื่องเป้าหมาย ระยะเวลาที่แตกต่างกัน และอายุ ก็เป็นปัจจัยในการรับความเสี่ยงที่แตกต่างกัน 

ปัจจัยเหล่านี้ต้องมานั่งคุยปรึกษากับที่ปรึกษาการลงทุนเพื่อจัดให้ตรงกับวัตถุประสงค์ที่เราอยากจะได้ ดังนั้นโจทย์หนึ่งคนก็แก้ปัญหาหนึ่งแบบ 

สินทรัพย์และกองทุนที่น่าสนใจ 

เนื่องจากมีกองทุนจำนวนมากทั้งกองทุนตราสารหนี้ ตราสารสารทุน ดังนั้นจึงต้องปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญในการลงทุน รวมทั้งการกำหนดสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมในแต่บุคคล  สำหรับกองทุนหุ้น ในข่วงนี้แนะนำกองทุนหุ้นต่างประเทศที่ลงทุนทั่วโลก โดยแนะนำ 2 กองทุนคือ 

20220425-a-02.jpg

1. TMBGQG (TMB Global Quality Growth Fund) บริหารโดย Wellington กองทุนนี้มีผลงานดีต่อเนื่อง และเป็นกองที่มีการผสมผสานระหว่างหุ้นที่เป็นแนว Old Economy หรือธุรกิจแบบวัฎจักร และหุ้นที่เป็นแนว Growth อยู่ด้วย ก็จะมีความสมดุล ในช่วงที่ภาวะตลาดผันผวน ถือไว้เป็น Core portfolio ได้เลย สามารถถือลงทุนระยะยาวได้ โดยมีผลตอบแทนราว 10-12% และมีผู้จัดการกองทุนคอยปรับพอร์ตให้มีความเหมาะสมตามสถานการณ์

20220425-a-01.jpg

2. ONE-UGG เป็นกองทุนชื่อดังกองหนึ่งที่ขายอยู่ในเมืองไทย บริหารจัดการโดย Baillie Gifford  

กองนี้จะต่างกับกองแรก เพราะเป็นการลงทุนในหุ้น Growth หรือหุ้นเติบโต นักลงทุนจะต้องยอมรับความเสี่ยงได้ แต่การลงทุนที่มองไปในระยะ 3-5 ปี และก็ไม่ได้มีการซื้อๆ ขายๆ กองนี้เน้นลงทุนระยะยาว มีความผันผวนสูง แต่ผลตอบแทนก็จะสูงด้วย อยู่ในช่วง 15-20% บางช่วงก็สูงกว่า 20-25% จึงเหมาะสำหรับพอร์ตระยะกลาง-ระยะยาว 

กองทุนจีน

คุณสุจารีย์ แนะนำกอง A-SHARE ซึ่งเป็นกองที่ใหญ่มากเนื่องจากจีนเป็นตลาดที่ใหญ่ ก็จะมีแรงกดดันของหุ้นจีน คือหุ้น ADR ซึ่งจดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้น NASDAQ สหรัฐ
กองทุนของจีนในช่วงนี้จะผันผวนมาก เพราะทางการจีนมีการจัดระเบียบธุรกิจอุตสาหกรรมในประเทศ และเรื่องความขัดแย้งกับสหรัฐ ที่มาจัดระเบียบบริษัทจดทะเบียนจากจีน ซึ่งก็เป็นความเสี่ยงที่บริษัทเหล่านี้อาจจะถูกเพิกถอนจากตลาดหุ้น สหรัฐ 

บริษัทเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก เช่น Alibaba และ Tencent ซึ่งนักลงทุนอาจเลี่ยงกองทุนพวกนี้ไปก่อนหากรู้สึกกังวลจากความขัดแย้งและการจัดระเบียบเหล่านี้ แต่ยังมีกองอีกประเภทหนึ่งคือกองทุนที่เน้นการบริโภคในประเทศเป็นกอง A-SHARE ซึ่งหากจะเข้าไปลงทุนในกองเหล่านี้ก็ถือว่าเป็นเวลาที่เหมาะสม เพราะราคาถูกมาก คุณสุจารีย์กล่าว

ในโลกของการลงทุน เราไม่สามารถที่จะใช้การลงทุนและการบริหารจัดการแบบเดิมๆ เพราะโลกเปลี่ยนไปเยอะเลย ดังนั้นเราต้องศึกษาหาความรู้มากขึ้น บริหารจัดการการเงินให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การมีที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญก็เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากๆ เพราะการที่เราไปลงทุนเองอาจมีความเสี่ยงมากกว่า การปรึกษาผู้ที่มีความรู้ก็จะเป็นการช่วยกระจายความเสี่ยง  และลดความผันผวนในการลงทุนได้ ดังนั้นการความรู้และหาที่ปรึกษาการลงทุนที่ดี จะช่วยให้การลงทุนของเราไปถึงเป้าหมาย คุณสุจารีย์ กล่าวทิ้งท้าย

ติดต่อโฆษณา!