21 ตุลาคม 2567
111

เงินทุนไหลเข้าสตาร์ตอัปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้น้อยที่สุดในรอบ 6 ปี

เงินทุนไหลเข้าสตาร์ตอัปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้น้อยที่สุดในรอบ 6 ปี

การระดมทุนสำหรับสตาร์ทอัพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ชะลอตัวลงอย่างชัดเจนในไตรมาสที่ 3 ของปี 2024 โดยมีจำนวนดีลที่เกิดขึ้นเพียง 134 ดีล และระดมทุนได้รวม 979 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2019 ที่ยอดการระดมทุนรายไตรมาสลดลงต่ำกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ สาเหตุสำคัญมาจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ท้าทาย ส่งผลให้การลงทุนในช่วงต้นปี 2024 ลดลงครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับปี 2020


ทั้งนี้ การระดมทุนในระยะเริ่มต้นยังคงอยู่ในระดับที่ลดลง ขณะที่การระดมทุนในระยะหลังลดลงถึง 73.6% อย่างไรก็ตาม ด้านบวกคือการประเมินมูลค่าสินทรัพย์เริ่มมีสัญญาณดีขึ้น 


ในขณะที่สตาร์ตอัปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เผชิญกับความท้าทายอย่างมากในด้านการระดมทุนในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2024 หนึ่งในประเด็นสำคัญที่ทำให้ดีลในช่วงไตรมาสที่ 3 ชะลอตัวลงอย่างมากคือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและสภาพคล่องที่ตึงตัว โดยเฉพาะการระดมทุนในกลุ่มธุรกิจที่ต้องใช้เงินทุนสูงและมีโมเดลธุรกิจที่ยังไม่พิสูจน์ตนเอง เช่นในกลุ่มสตาร์ทอัพด้านอีคอมเมิร์ซ ที่เคยเป็นกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนอย่างมากในอดีต


นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่า ตลาดอาจเริ่มมีการฟื้นตัวในปี 2025 โดยเฉพาะในกลุ่มเทคโนโลยีทางการเงิน (Fintech) ที่ยังคงเป็นหนึ่งในกลุ่มที่มีการเติบโตสูงสุด ด้วยมูลค่าการระดมทุนที่อยู่ที่ 1.1 พันล้านดอลลาร์จาก 111 ดีล ซึ่งเทคโนโลยีทางการเงินที่ใช้บล็อกเชนกำลังมีบทบาทสำคัญในระบบการเงินของภูมิภาคนี้


แม้ว่าการลงทุนจะชะลอตัวลงอย่างมาก แต่บางประเทศยังคงมีโอกาสในการเติบโต เช่น อินโดนีเซียที่ยังคงมีโอกาสในการเติบโตในด้านบริการผู้บริโภคและการเงินอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในด้านบริการดิจิทัลและบริการทางการเงินที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง


ในขณะที่สตาร์ตอัปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เผชิญกับความท้าทายอย่างมากในด้านการระดมทุนในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2024 หนึ่งในประเด็นสำคัญที่ทำให้ดีลในช่วงไตรมาสที่ 3 ชะลอตัวลงอย่างมากคือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและสภาพคล่องที่ตึงตัว โดยเฉพาะการระดมทุนในกลุ่มธุรกิจที่ต้องใช้เงินทุนสูงและมีโมเดลธุรกิจที่ยังไม่พิสูจน์ตนเอง เช่นในกลุ่มสตาร์ทอัพด้านอีคอมเมิร์ซ ที่เคยเป็นกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนอย่างมากในอดีต


นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่า ตลาดอาจเริ่มมีการฟื้นตัวในปี 2025 โดยเฉพาะในกลุ่มเทคโนโลยีทางการเงิน (Fintech) ที่ยังคงเป็นหนึ่งในกลุ่มที่มีการเติบโตสูงสุด ด้วยมูลค่าการระดมทุนที่อยู่ที่ 1.1 พันล้านดอลลาร์จาก 111 ดีล ซึ่งเทคโนโลยีทางการเงินที่ใช้บล็อกเชนกำลังมีบทบาทสำคัญในระบบการเงินของภูมิภาคนี้


แม้ว่าการลงทุนจะชะลอตัวลงอย่างมาก แต่บางประเทศยังคงมีโอกาสในการเติบโต เช่น อินโดนีเซียที่ยังคงมีโอกาสในการเติบโตในด้านบริการผู้บริโภคและการเงินอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในด้านบริการดิจิทัลและบริการทางการเงินที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง



ติดต่อโฆษณา!