22 มกราคม 2564
2,861

ให้มันจบที่ยุคของทรัมป์กับ 5 นโยบายโลกตะลึง

ให้มันจบที่ยุคของทรัมป์กับ 5 นโยบายโลกตะลึง
Highlight
“Make America Great Again” คำคุ้นหู ในยุคของทรัมป์ ที่มาจากนโยบายหาเสียง เช่น การประกาศจะลดภาษีรายได้ครั้งมโหฬาร คำสัญญาที่จะสร้างงานให้คนอเมริกันด้วยการทวงงานคืนมาจากคนต่างชาติ
 

ควบคู่ไปกับการสร้างกำแพงยาวสองพันกว่าไมล์กั้นพรมแดนสหรัฐฯ และเม็กซิโกเพื่อป้องกันการลักลอบข้ามพรมแดน อะไรที่ไม่เคยเห็นก็จะได้เห็น อะไรที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นก็ได้เกิดขึ้นแล้ว ในยุคของประธานาธิบดี คนที่ 45 ของสหรัฐฯ อย่าง โดนัลด์ ทรัมป์ อย่างเช่น สงครามการค้าที่ดุเดือดสะเทือนโลกระหว่างสหรัฐฯ และจีน  รวมถึงการรื้อการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี เพราะสนใจจะทำการค้าที่ ‘America First  - อเมริกาต้องมาก่อน’ ซึ่งก็เริ่มไปแล้วด้วยการเซ็นคำสั่งให้สหรัฐฯ ถอนตัวจากข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP)


ทันข่าว Today ชวนมาย้อนดู 5 นโยบายโลกตะลึง ผลงานของทรัมป์ 
  1. การถอนตัวจากข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) 

    เมื่อ วันที่ 4 พฤศจิกายน 2020 สหรัฐฯ ก็ได้ถอนตัวออกจากข้อตกลงปารีสอย่างเป็นทางการ โดยยกเลิกกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม สนับสนุนอุตสาหกรรมถ่านหิน และอนุญาตให้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่อากาศได้มากขึ้น ทำให้สหรัฐฯ เป็นประเทศเดียวจากเกือบ 200 ประเทศผู้ลงนาม ที่ถอนตัวออกจากข้อตกลงที่มีเป้าหมายรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

  2. ผลงานสร้างกำแพงกั้นเม็กซิโก | ป้องกันการลักลอบข้ามพรมแดน

    ทรัมป์ ก็เอามาใช้จริงกับเขตแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก ตั้งแต่ช่วงที่เขาหาเสียงด้วย โดยเขากล่าวว่า จะสร้างกำแพงที่สง่า บนเขตแดนที่มีความยาวกว่า 2,000 ไมล์

  3. นโยบายกีดกันครอบครัวผู้อพยพ

    ประเด็นที่ทำให้ทรัมป์ถูกวิพากวิจารณ์มากที่สุดระหว่างดำรงตำแหน่ง หลังในช่วงเดือนเมษายน 2018 มีการประกาศนโยบาย ‘Zero-Tolerance’ หรือความอดทนเป็นศูนย์ โดนมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มการดำเนินคดีทางอาญา กับผู้ที่ถูกจับได้ว่าเข้าประเทศสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมาย นโยบายนี้ถูกประณามจากนานาชาติ โดยมีรายงานว่า มีเด็กเกือบ 3,000 คนถูกแยกออกจากพ่อแม่

  4. สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน | ตอบโต้ภาษีการค้าอย่างดุเดือด 

    มาตรการกีดกันทางการค้ากับจีน รวมถึงมีการอ้างว่าจีนได้พยายามขโมยทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งระหว่างการทำสงครามการค้า ทั้งสองประเทศก็ได้โต้เถียงกันผ่านทวิตเตอร์ ผ่านโฆษก ไปถึงการตั้งกำแพงภาษี แบนและคว่ำบาตรบริษัท จนสะเทือนเศรษฐกิจไปทั่วโลก ยังมีการตั้งบัญชีดำทางการค้าของสหรัฐฯ กับบริษัทสัญชาติจีน ไม่ว่าจะเป็น Huawei และบริษัทจีนอื่นๆ อีกหลายสิบราย และรายล่าสุดคือ Xiaomi

  5. ยกเลิก Obama Care ประกันสุขภาพ

    ตั้งแต่ทรัมป์รับตำแหน่ง ในสภาก็ได้มีการลงมติเพื่อแก้ร่างกฎหมายประกันสุขภาพ Obama Care พร้อมกับออกมาตรการ ‘ทรัมป์แคร์’ มาแทนซึ่งนับตั้งแต่
    วันที่ 20 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา จะหมดยุคของทรัมป์ไปแล้วอย่างเป็นทางการ พร้อมกับการก้าวขึ้นมาของโจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนที่ 46

ซึ่งตามธรรมเนียมการเมืองสหรัฐฯ จะมีคำว่า ‘The First Hundred Days’ หมายถึง 100 วันแรกของการทำงานในฐานะประธานาธิบดี คำนี้ถูกใช้มาตั้งแต่ปี 1933
ในสมัยของแฟรงคลิน ดี รูสเวลต์ ซึ่งเอาไว้ชี้ชะตาและวัดระดับอำนาจและความสำเร็จของประธานาธิบดีคนนั้นๆ

ซึ่งทวีตแรกของ ‘โจ ไบเดน’ หลังรับตำแหน่ง ประธานาธิบดีสหรัฐ
“ไม่มีเวลาให้เสียเปล่าในการแก้ไขวิกฤติต่างๆ ที่เราเผชิญ” พร้อมจะลงมือทำงานทันทีเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของครอบครัวชาวอเมริกัน

นั่นหมายความว่ายังมีภารกิจอีกมากมายที่กลับมาRestart  ไม่ว่าจะเป็น 

  • การสมัครกลับเข้าเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก (WHO) - การสมัครกลับเข้าเป็นภาคีความตกลงปารีส
  • คำสั่งให้สถานที่ราชการทุกแห่งของสหรัฐฯต้องมีมาตรการรักษาระยะห่าง พร้อมทั้งสวมหน้ากากอนามัยขณะปฏิบัติงาน
  • สั่งยกเลิกโครงการก่อสร้างท่อส่งน้ำมัน "คีย์สโตน เอ็กซ์แอล" ที่มีการวางท่อเข้าสู่เขตอนุรักษ์หลายแห่ง สร้างความไม่พอใจอย่างหนักมานานนับทศวรรษให้แก่กลุ่มชาติพันธุ์ในสหรัฐ
  • การยกเลิกมาตรการจำกัดวีซ่าและการระงับเข้าประเทศ "อย่างเจาะจง" ที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ บังคับใช้เฉพาะกับบางประเทศ
  • การยุติโครงการก่อสร้างกำแพงกั้นพรมแดนระหว่างสหรัฐกับเม็กซิโก โดยให้ใช้ของเดิมที่มีอยู่แล้วต่อไป

คงต้องมาตามติดกันต่อว่าในยุคของไบเดน จะเป็นเช่นไร

ติดต่อโฆษณา!