World Wrap Up

สรุปประเด็นข่าวร้อนรอบโลก ประจำวันที่ 18 ม.ค. 67

Apple เบียด Samsung ขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งในตลาดสมาร์ทโฟน หลังจากที่ Samsung เจ้าของแชมป์มายาวนานถึง 12 ปีในฐานะผู้ขายสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดในโลก โดย Apple สามารถ ครองส่วนแบ่งการตลาด 20% ในปี 2023 ตามรายงานจาก International Data Corp. ขณะที่ Samsung มีส่วนแบ่งตลาดตามติดมาที่ 19.4% รองลงมาคือ Xiaomi ของจีน, Oppo และ Transsion อย่างไรก็ตาม Apple กําลังเผชิญกับแรงกดดันในประเทศจีนจาก Huawei ที่เริ่มฟื้นกลับมาและ แบรนด์อื่นที่มีการเสนอผลิตภัณฑ์ในราคาที่ต่ำกว่า ดังนั้น Apple จึงเสนอส่วนลดมากถึง 5% สําหรับผลิตภัณฑ์บางรุ่นในประเทศจีนเพื่อดึงดูดลูกค้า

สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน รายงานว่า ในปี 2023 ประชากรจีนลดลงเป็นปีที่สองติดต่อกัน เนื่องจากอัตราการเกิดที่ต่ำเป็นประวัติการณ์และการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นของการแพร่ระบาด โควิด-19 หลังจากล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดเป็นเวลา 2 ปีของจีนสิ้นสุดลง ซึ่งอาจจะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวและส่งผลกระทบระยะยาวอย่างมีนัยยะสำคัญต่อศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจจีน จากข้อมูลล่าสุดพบว่าประชากรจีนลดลง 2.08 ล้านคนหรือ 0.15% เหลือ 1,409 ล้านคนในปีที่แล้ว โดยมีจํานวนประชากรเสียชีวิตทั้งหมดเพิ่มขึ้น 6.6% เป็น 11.1 ล้านคน ซึ่งเป็นอัตราการเสียชีวิตที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1974 หรือในช่วง การปฏิวัติวัฒนธรรม ขณะที่อัตราการเกิดลดลง 5.7% เหลือ 9.02 ล้านคน ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวเพิ่มความกังวลว่าแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจจีนกําลังลดลงเนื่องจากคนวัยทำงานและผู้บริโภคน้อยลง ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้สูงอายุและการเกษียณทําให้รัฐบาลท้องถิ่นต้องเป็นหนี้มากขึ้น

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 4.1% หลังสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงยาวนานกว่าที่คาด ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 4.102% ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี อยู่ที่ระดับ 4.315% ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า #ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.4% นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐได้แรงหนุนจากถ้อยแถลงของนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในสมาชิกบอร์ดผู้ว่าการเฟด ซึ่งระบุว่า เฟดจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วตามที่ตลาดคาดการณ์

ในรายงานประจำเดือนของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) ระบุว่า #OPEC คาดการณ์ว่าความต้องการน้ำมันของโลกจะเพิ่มขึ้น 1.85 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2568 เป็น 106.21 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่วนในปีนี้ 2567 OPEC คาดว่าโลกมีความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น 2.25 ล้านบาร์เรลต่อวันทั้งนี้ OPEC ยังคงมั่นใจว่าอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกจะเติบโตได้ดีในปีนี้ ส่วนในปี 2568 จะเห็นการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นจากจีนและตะวันออกกลาง อย่างไรก็ดี มุมมองจาก IEA กลับมองว่า การเติบโตของความต้องการน้ำมันทั่วโลกจะลดลงครึ่งหนึ่งในปีนี้ เนื่องจากจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่ำกว่าแนวโน้มในประเทศเศรษฐกิจหลัก และการเติบโตของยอดขายรถยนต์ นอกจากมุมมองที่ต่างกันระหว่างเรื่องของความต้องการแล้ว OPEC กับ IEA ยังมีมมุมมองที่ต่างกันเกี่ยวกับเรื่องการลงทุนเพิ่มในอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลอีกด้วย โดย IEA มองว่า ยุคการเติบโตของเชื้อเพลิงฟอสซิลใกล้จะสิ้นสุดลงและเหตุผลในการเพิ่มการลงทุนก็ลดน้อยลง

สรุปภาพรวมการลงทุนเมื่อวานนี้ (17 ม.ค.) ความกังวลเกี่ยวกับการที่ #ธนาคารกลางสหรัฐ อาจจะยังไม่ลดดอกเบี้ย ในเดือนมี.ค. อย่างที่เคยคาดการณ์ไว้ ส่งผลให้เกิดแรงขายหุ้นสหรัฐฯ และทองคำ โดยนักวิเคราะห์เตือนให้ระวังทองคำร่วงหลุดระดับ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ขณะที่ราคาน้ำมันปรับขึ้นเล็กน้อยจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นสุดขั้วในหลายภูมิภาคทำให้คาดว่าความต้องการพลังงานจะเพิ่มขึ้น