เปิดตัวตราสัญลักษณ์ครบรอบ 70 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย - อินโดนีเซีย

Highlight
กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำประเทศไทย เปิดตัวตราสัญลักษณ์เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 70 ปี 
การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-อินโดนีเซีย

กรมเอเชียตะวันออก กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำประเทศไทย เปิดตัวตราสัญลักษณ์เพื่อเฉลิมฉลอง
วาระครบรอบ 70 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-อินโดนีเซีย โดยตราสัญลักษณ์ที่ชนะเลิศการประกวด ออกแบบโดยนายยูดี ปรียัตโน นักศึกษาชาวอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นการนำรูปช้างและครุฑอันเป็นสัญลักษณ์ของไทยและอินโดนีเซีย ตามลำดับ มาประกอบเป็นเลข 70 เพื่อสื่อถึงวาระครบรอบ 70 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต โดยมีส่วนประกอบอื่น ได้แก่ รูปร่างคนวิ่งสื่อถึงแรงผลักดันในการมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์เสมอ รูปวงกลมสื่อถึงการบูรณาการ ความร่วมมือและความมุ่งมั่นที่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน และรูปเกลียวคลื่นสื่อถึงความเชื่อมั่นในการฝ่าฟันและเผชิญอนาคตร่วมกัน โดยใช้สีน้ำเงินและสีแดงซึ่งเป็นสีธงชาติของไทยและอินโดนีเซีย สีน้ำเงินสื่อถึงความเป็นมืออาชีพ สันติภาพและความไว้วางใจ และสีแดงสื่อถึงพลวัต ความกล้าหาญ และความเป็นอิสระ

นางสาวอาจารี ศรีรัตนบัลล์ อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก กล่าวว่า ความสัมพันธ์ของประเทศไทยและอินโดนีเซียมีมานานหลายร้อยปี
แม้ว่าเราจะมาสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อ 70 ปีที่แล้ว ด้วยความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดที่มีมาก็น่าจะเป็นโอกาสครบรอบ 70 ปี ที่สองฝ่ายจะมาร่วมกันจัดกิจกรรมเพื่อที่จะให้ประชาชนทั้ง 2 ประเทศได้รับทราบถึงความสัมพันธ์ที่ดีมีการจัดกิจกรรมเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นว่าเราจะร่วมมือกันอย่างไรต่อไปในอนาคตทั้งในส่วนที่กระทรวงการต่างประเทศจัดเองหรือร่วมจัดกับหน่วยงานอื่นและสถานทูตไทยที่กรุงจาการ์ตาของเราก็จะมีกิจกรรมเฉลิมฉลองด้วยเช่นกัน

"ตลอดปี 2563 ทั้งสองประเทศจะดำเนินการจัดกิจกรรมที่หลากหลาย เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 70 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูต โดยเฉพาะการประกวดออกแบบตราสัญลักษณ์ตลอดปีนี้เรายังมีแผนจะจัดนิทรรศการผ้าบาติกที่พิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
งานสัมมนาด้านเศรษฐกิจ เทศกาลภาพยนตร์ และการประชุมของภาคธุรกิจด้วย" นายอะห์มัด รุซดี เอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำประเทศไทย กล่าว

ประเทศไทยและอินโดนีเซียได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2493 ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสองดำเนินไปได้ด้วยดีและใกล้ชิดทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคม ไม่ว่าจะเป็นในระดับทวิภาคีหรือพหุภาคี โดยเฉพาะอย่างยิ่งความร่วมมือในกรอบอาเซียน นอกจากนี้ ยังมีการแลกเปลี่ยนการเยือนในระดับต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ