22 มีนาคม 2565
1,697

ยูเครน หวังเจรจากับปูติน ก่อนบานปลาย เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3

ยูเครน หวังเจรจากับปูติน ก่อนบานปลาย เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3
Highlight

การสู้รบรัสเซียยูเครนล่วงเลยมา 1 เดือน ยังไม่มีทีท่าว่าการเจรจาจะจบลงได้ รัสเซียเพิ่มการโจมตีรุนแรงขึ้น ชาติยุโรปกดดันรัสเซียเพิ่มโดยการเตรียมแบนการนำเข้าน้ำมันและ พลังงาน ในขณะที่ โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดีแห่งยูเครน ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศว่า หากไม่สามารถเจรจาหยุดยิงได้ อาจเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3


เซเลนสกี ปธน.ยูเครน หวังเจรจาปูติน ก่อนเกิดเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 

ซีเอ็นเอ็นรายงาน ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ได้ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น เมื่อวันที่ 20 มี.ค. ตามเวลาท้องถิ่น ถึงสถานการณ์สงครามในยูเครน ที่รัสเซียบุกโจมตีอย่างหนักหน่วงมาเกือบเดือนแล้วว่า หากไม่มีการเจรจากับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ก็ไม่สามารถจะยุติสงครามในยูเครนได้ และหากความพยายามล้มเหลว นั่นหมายถึงการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3

“ผมพร้อมจะเจรจากับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ซึ่งผมพร้อมมาตั้งแต่ 2 ปีก่อนแล้ว ผมคิดว่าถ้าไม่มีการเจรจา เราไม่สามารถจะยุติสงครามครั้งนี้ได้ ผมคิดว่าพวกเราต้องใช้ทุกๆ รูปแบบ ทุกๆ โอกาสเพื่อให้มีความเป็นไปได้ในการเจรจากับปูติน เพราะหากความพยายามล้มเหลว นั่นหมายถึง นี่คือ สงครามโลกครั้งที่ 3” ประธานาธิบดี ให้ เซเลนสกี ให้สัมภาษณ์กับ ฟารีด ซาคาเรีย นักข่าวซีเอ็นเอ็น

นอกจากนั้น ประธานาธิบดีเซเลนสกียังเรียกร้องให้มีการเจรจาหาทางหยุดยิงมากขึ้น ในเร็วๆ นี้ ขณะที่รัสเซียบุกโจมตียูเครนครบ 4 สัปดาห์ พร้อมกับบอกว่า ถ้ายูเครนได้เป็นสมาชิกของนาโต สงครามคงไม่เริ่มขึ้น 

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีเซเลนสกี ได้กล่าวในคลิปวิดีโอเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ถึงสถานการณ์สงครามในยูเครนโดยเรียกร้องให้มีการเจรจาหยุดยิง เพราะหากล่าช้าออกไปอีก ความสูญเสียของรัสเซียจะมหาศาล ทั้งนี้การสู้รบระหว่างสองประเทศยังคงดำเนินต่อไปและรุนแรงเพิ่มขึ้น 

ยูเครนปฏิเสธไม่ยอมจำนนเมืองมาริอูโพลเพื่อแลกกับข้อเสนอของรัสเซีย

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ยูเครนปฏิเสธคำเรียกร้องของรัสเซียที่ให้เมืองท่ามาริอูโพลยอมจำนน โดยยังคงมีการต่อสู้กันอย่างดุเดือดและไม่มีทีท่าว่าจะคลี่คลายลง

ยูเครนปฏิเสธไม่ยอมจำนนเมืองมาริอูโพลเพื่อแลกกับข้อเสนอของรัสเซียที่จะเปิดเส้นทางด้านมนุษยธรรมเพื่อให้ประชาชนอพยพออกไป โดยรองนายกรัฐมนตรียูเครน ไอรีนา เวเรสช์ชัค ปฏิเสธการยื่นคำขาดของรัสเซียในวันจันทร์ โดยยืนยันว่าจะไม่มีการยอมแพ้หรือวางอาวุธ และกล่าวว่ารัสเซียควรเปิดเส้นทางด้านมนุษยธรรมให้ชาวเมืองมาริอูโพลทันที ในขณะเดียวกัน กองทัพรัสเซียยังคงโหมโจมตีด้วยปืนใหญ่ใส่กรุงเคียฟอย่างต่อเนื่อง 

เว็บไซต์ข่าวยูเครนสกา พราฟดา (Ukrainska Pravda) อ้างคำพูดของนางอีรีนา เวเรชชุก รองนายกรัฐมนตรีของยูเครน ซึ่งกล่าวเมื่อเช้าวันนี้ว่า “ไม่มีทางที่เราจะยอมจำนนวางอาวุธ และเราได้แจ้งฝ่ายรัสเซียเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว”

ก่อนหน้านี้ รัสเซียเรียกร้องให้กองกำลังยูเครนในมาริอูโพลวางอาวุธ มิฉะนั้นจะเกิด “หายนะด้านมนุษยธรรมอย่างร้ายแรง” โดยรัสเซียรับรองว่า ผู้ที่ยอมจำนนจะเดินทางออกจากเมืองได้อย่างปลอดภัย และรัสเซียจะเปิดระเบียงมนุษยธรรม (Humanitarian Corridors) ตั้งแต่ 14.00 ตามเวลาประเทศไทย ในวันนี้ (22 มี.ค.)

ทั้งนี้ มาริอูโพลเป็นเมืองหนึ่งที่ได้รับความเสียหายจากการทิ้งระเบิดหนักที่สุดนับตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ. โดยประชาชนจำนวนมากจากทั้งหมด 400,000 คนยังคงติดอยู่ในเมืองโดยมีอาหาร น้ำ และพลังงานเพียงเล็กน้อย

นายพาฟโล คีรีเลนโก ผู้ว่าการระดับเขต ระบุว่า ผู้คนกว่า 7,000 คนอพยพออกจากเมืองต่าง ๆ ของยูเครนผ่านระเบียงมนุษยธรรมเมื่อวานนี้ (20 มี.ค.) โดยมากกว่าครึ่งมาจากเมืองมาริอูโพล และรัฐบาลวางแผนที่จะส่งรถโดยสารเกือบ 50 คันไปที่มาริอูโพลในวันนี้เพื่อดำเนินการอพยพต่อไป

รัสเซียส่อเปลี่ยนแผนเป็นปูพรมถล่มยูเครน หลังใช้ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง
 
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การที่รัสเซียใช้ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงกับยูเครนนั้นดูเหมือนจะเป็นจุดเปลี่ยนทางยุทธศาสตร์จากการที่รัสเซียสูญเสียกำลังพลในสนามรบ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่าสงครามได้เข้าสู่ช่วงใหม่แล้ว พร้อมกับที่รัสเซียได้อวดโลกว่าตนมีแสนยานุภาพล้นหลาม

พลโทจิม ฮอคเกนฮัลล์ หัวหน้าหน่วยข่าวกรองกลาโหมของสหราชอาณาจักร เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันศุกร์ (18 มี.ค.) ว่า “ปฏิบัติการของรัสเซียเปลี่ยนไป” โดยจะเปลี่ยนมาใช้กลยุทธ์การบั่นทอนกำลังที่ยิงถล่มไม่เลือกเป้าหมายแบบบ้าระห่ำ

ด้านนายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ให้สัมภาษณ์ในรายการ “Face the Nation” ทางสถานีโทรทัศน์ CBS เมื่อวานนี้ว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย อาจกำลังติดตั้งขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงเพื่อฟื้นแรงผลักดันในการบุกยูเครน

 ขณะเดียวกัน กลุ่มนักวิเคราะห์ด้านการทหารของตะวันตกชี้ว่า การศึกภาคพื้นดินของปธน.ปูตินกำลังชะลอตัว โดยกองทหารรัสเซียไม่สามารถบรรลุจุดหมายเบื้องต้นได้ และประเมินแรงต่อต้านจากยูเครนต่ำไป

กระทรวงกลาโหมของรัสเซียกล่าวเมื่อวันเสาร์ (19 มี.ค.) ว่า กองทัพของตนได้ใช้ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงคินชาล (Kinzhal ซึ่งหมายถึงกริช) เมื่อวันก่อนเพื่อทำลายคลังแสงสรรพาวุธใต้ดินทางตะวันตกเฉียงใต้ของยูเครน และต่อมาเมื่อวานนี้ (20 มี.ค.) รัสเซียกล่าวว่าได้ยิงขีปนาวุธเพื่อทำลายคลังเชื้อเพลิงในภูมิภาคมิกโคลาอีฟ โดยทางการของมิกโคลาอีฟแจ้งเตือนการโจมตีทางอากาศในช่วงเช้าเมื่อวานนี้เป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

รัสเซียอ้างถล่มศูนย์การค้าในกรุงเคียฟ เนื่องจากยูเครนใช้เป็นที่เก็บจรวด

รัสเซียเปิดเผยเมื่อวานนี้ (21 มี.ค.) ว่า รัสเซียโจมตีศูนย์การค้าแห่งหนึ่งในกรุงเคียฟด้วยอาวุธพิสัยไกลที่มีความแม่นยำสูง เนื่องจากกองกำลังยูเครนใช้สถานที่ดังกล่าวเป็นที่เก็บจรวดและที่บรรจุกระสุนเครื่องยิงจรวด

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ศูนย์การค้าในกรุงเคียฟถูกโจมตีในช่วงเย็นวันอาทิตย์ (20 มี.ค.) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 ราย และ อาคารบริเวณใกล้เคียงถูกทำลาย เหลือแต่กลุ่มควันจากเศษหินเศษปูน รวมถึงซากรถไหม้ตลอดแนวหลายร้อยเมตร

พลตรีอิกอร์ โคนาเชนกอฟ โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซียเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า “พื้นที่ใกล้ศูนย์การค้าถูกใช้เป็นฐานขนาดใหญ่สำหรับเก็บอาวุธยุทโธปกรณ์และใช้เป็นที่บรรจุกระสุนกองเครื่องยิงจรวด”

“ในคืนวันที่ 21 มี.ค. อาวุธพิสัยไกลที่มีความแม่นยำสูงได้ทำลายกองเครื่องยิงจรวดของยูเครนและคลังกระสุนในศูนย์การค้าที่ปิดทำการ” พลตรีโคนาเชนกอฟกล่าว พร้อมแสดงวิดีโอที่เขาอ้างว่า ยูเครนใช้ศูนย์การค้าเป็นที่เก็บอาวุธและที่บรรจุกระสุน
ทั้งนี้ รัสเซียบุกโจมตียูเครนจนมีผู้เสียชีวิตไปหลายพันราย ขณะที่ประชาชนนับ 10 ล้านคนต้องลี้ภัย และเกิดความหวาดกลัวว่าปัญหาจะลุกลามไปเป็นการเผชิญหน้ากันระหว่างรัสเซียกับสหรัฐ

ด้านประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซียกล่าวว่า “ปฏิบัติการทางทหารพิเศษ” ในยูเครนเป็นเรื่องจำเป็น เพราะสหรัฐกำลังใช้ยูเครนมาคุกคามรัสเซีย รัสเซียจึงต้องปกป้องชาวรัสเซียที่ถูก “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” โดยยูเครน

“เซเลนสกี” วอนอิสราเอลจัดส่งระบบป้องการขีปนาวุธช่วยยูเครนสู้ศึกรัสเซีย

ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนได้เรียกร้องให้รัฐบาลอิสราเอลจัดส่งระบบป้องกันขีปนาวุธให้กับยูเครน เพื่อช่วยให้ยูเครนสามารถป้องกันการโจมตีทางอากาศจากรัสเซียได้

ปธน.เซเลนสกีได้ออกแถลงการณ์ผ่านทางวิดีโอลิงก์เพื่อเรียกร้องขอความช่วยเหลือจากนานาประเทศในวันอาทิตย์ (20 มี.ค.) โดยเรียกร้องให้อิสราเอลขายระบบป้องกันการโจมตีทางอากาศไอออนโดม (Iron Dome) ให้กับยูเครน พร้อมกับตั้งคำถามว่า เพราะเหตุใดรัฐบาลอิสราเอลจึงเพิกเฉยต่อคำร้องของยูเครน

ทางด้านนายนัฟทาลี เบนเนตต์ นายกรัฐมนตรีอิสราเอลเปิดเผยว่า อิสราเอลจะพยายามไกล่เกลี่ยสถานการณ์ระหว่างรัสเซียกับยูเครนต่อไป แม้มีแนวโน้มจะไม่สำเร็จก็ตาม

ทั้งนี้ กองกำลังทหารรัสเซียยังคงโจมตีเมืองมาริอูโพลของยูเครน ซึ่งส่งผลให้ประชาชนกว่า 4 แสนคนในเมืองดังกล่าวเผชิญกับความยากลำบาก ซึ่งรวมถึงการขาดแคลนอาหาร น้ำ และไฟฟ้า

นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิตกว่า 700 คนนับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากบุกโจมตียูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา

นายแพทย์กีบรีเยซุสกล่าวว่า การทำลายระบบโครงสร้างทำให้การบริการด้านสาธารณสุขและการเข้าถึงสินค้าพื้นฐานได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง และ WHO ได้ตรวจสอบแล้วพบว่า มีการโจมตีสถานพยาบาล 43 แห่ง และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 ราย โดยไม่ว่าจะมีความขัดแย้งใด ๆ ก็ตาม การโจมตีระบบสาธารณสุขถือเป็นการละเมิดกฎหมายด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศ”

ผลสำรวจรวจคนยูเครนเชื่อว่าประเทศจะชนะสงครามครั้งนี้

ผลสำรวจจากเรตติ้ง กรุ๊ป (Rating Group) ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยในท้องถิ่นของยูเครน เปิดเผยว่า 93% ของชาวยูเครนที่ตอบแบบสำรวจเชื่อมั่นว่ายูเครนจะเป็นผู้ชนะในสงครามครั้งนี้

ผลสำรวจระบุว่า เกือบครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสำรวจแสดงความหวังว่าสงครามจะสิ้นสุดลงในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ขณะที่เกือบ 1 ใน 4 ของผู้ตอบแบบสำรวจเชื่อว่าความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนจะกินเวลาไปอีกหลายเดือน

นอกจากนี้ ผลสำรวจยังระบุด้วยว่า 74% ของผู้ตอบแบบสำรวจสนับสนุนให้ปธน.โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน เจรจาโดยตรงกับปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ขณะที่ 89% ไม่เห็นด้วยกับแผนการพักรบชั่วคราวโดยที่รัสเซียไม่ได้ถอนกำลังทหารออกจากประเทศ

ทั้งนี้ เรตติ้ง กรุ๊ป ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนชาวยูเครนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 1,000 คนจากทั่วประเทศ ยกเว้นในไครเมียและภูมิภาคดอนบาส

EU เตรียมหารือประเด็นคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซีย ก่อนประชุมกับไบเดนสัปดาห์นี้

รัฐบาลของประเทศต่าง ๆ ในสหภาพยุโรป (EU) เตรียมพิจารณาว่าจะใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียหรือไม่ โดยในสัปดาห์นี้บรรดาผู้นำใน EU จะร่วมหารือกับปธน.โจ ไบเดน แห่งสหรัฐ เกี่ยวกับนโยบายที่จะใช้ตอบโต้รัสเซียซึ่งเข้าบุกโจมตียูเครนเมื่อเดือนที่ผ่านมา

ทูตอาวุโสจาก EU เปิดเผยว่า ขณะนี้ EU กำลังอยู่ในระหว่างกำหนดมาตรการคว่ำบาตรระลอกที่ 5 ต่อรัสเซีย โดยในวันนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจากสหภาพยุโรปจะร่วมหารือกัน ก่อนที่จะเปิดฉากการประชุมร่วมกับปธน.ไบเดนในวันพฤหัสบดี (24 มี.ค.) รวมถึงชาติสมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) 30 ประเทศ, ชาติสมาชิกสหภาพยุโรป และกลุ่มประเทศ G7 ซึ่งรวมถึงญี่ปุ่น

แม้จะโดนมาตรการคว่ำบาตรไปถึง 4 รอบ แต่ขณะนี้รัสเซียยังไม่มีทีท่าว่าจะถอนกำลังออกจากยูเครน โดยในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมานานาประเทศมีการคว่ำบาตรทางการเงินและการค้าต่อบุคคลของรัสเซียและเบลารุสไปแล้วถึง 685 คน

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้ EU ต้องพิจารณาว่า อาจจำเป็นต้องใช้ทางเลือกที่รุนแรงขึ้นอย่างการคว่ำบาตรน้ำมันของรัสเซีย ซึ่งสหรัฐและอังกฤษได้เดินหน้านำร่องไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่สมาชิกยุโรป 27 ประเทศยังคงสงวนท่าที เนื่องจากยังต้องพึ่งพาน้ำมันจากรัสเซียจำนวนมาก

อนึ่ง ทูตเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า กลุ่มประเทศบอลติกซึ่งรวมถึงลิทัวเนียนั้น ได้สนับสนุนแนวทางการคว่ำบาตรภาคน้ำมันของรัสเซีย ขณะที่เยอรมนีออกมาเตือนว่า การดำเนินการดังกล่าวอาจเร็วเกินไป เนื่องจากราคาพลังงานในยุโรปนั้นยังคงสูงมาก

อ้างอิง : รอยเตอร์, CNN, Bloomberg, Thairath, Infoquest

ติดต่อโฆษณา!