06 ตุลาคม 2564
4,432

ราคาถ่านหินปรับขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 122% จากความต้องการสูงในช่วงเข้าสู่ฤดูหนาวและเศรษฐกิจฟื้นตัว ด้านจีนเกิดวิกฤตพลังงาน ลุกลามยุโรป อินเดีย

ราคาถ่านหินปรับขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 122% จากความต้องการสูงในช่วงเข้าสู่ฤดูหนาวและเศรษฐกิจฟื้นตัว ด้านจีนเกิดวิกฤตพลังงาน ลุกลามยุโรป อินเดีย
Highlight

ราคาถ่านหินปรับขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ถึง 122% จากต้นปี จากความต้องการใช้พลังงานสูงอย่างต่อเนื่อง เพราะกำลังเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้เกิดวิกฤตพลังงานในจีนโดยไฟฟ้าดับลงในหลายเมืองรวมทั้งบางประเทศในยุโรป ล่าสุดอินเดียก็ประกาศว่าอาจเกิดวิกฤตพลังงานในไม่ช้าเพราะสต็อกถ่านหินเหลือไม่มากเช่นเดียวกัน นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์เอเชีย พลัส คาดว่าราคาถ่านหินจะสูงขึ้นต่อเนื่องในไตรมาสที่ 4 และค่อยๆ ลดลงในปีหน้า


แม้ว่าเหตุการณ์วิกฤตพลังงานจะเกิดขึ้นที่จีนหรือยุโรป แต่ผู้บริโภคทั่วโลกอาจเดือดร้อนไปด้วย เพราะราคาสินค้าในล็อตหน้าที่มาจากจีนอาจแพงขึ้นตามต้นทุนนั่นเอง ส่วนวิกฤตพลังงานที่เกิดขึ้นกับประเทศจีนเอง อาจจะกระทบต่ออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเนื่องจากการผลิตสินค้าลดลง 

บริษัทหลักทรัพย์เอเชีย พลัส จำกัด เปิดเผยว่า ราคาถ่านหินอ้างอิง Barlow Jonker Index (BJI) ล่าสุด ณ วันที่ 24 ก.ย. 2564 เท่ากับ 204.97 เหรียญฯ/ตัน เพิ่มขึ้น 24.56 เหรียญฯ/ตัน จากสัปดาห์ก่อนหน้า หรือเพิ่มขึ้น  13.61% ขณะที่ค่าเฉลี่ยนับตั้งแต่ต้นปี 2564 ถึงปัจจุบันอยู่ที่ 120.27 เหรียญฯต่อตัน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 122.44% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 

ปัจจัยที่กระทบราคาถ่านหินในระยะสั้น 

ราคาถ่านหินอ้างอิง BJI ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 13.61% ทําระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากวิกฤตด้านพลังงานของจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้น เนื่องจากจากความต้องการใช้ไฟฟ้าปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ 

ส่งผลให้ปริมาณถ่านหินมีไม่เพียงพอจนเกิดเหตุไฟฟ้าดับในหลายเขตพี้นที่ รวมถึงภาคอุตสาหกรรมต้องหยุดการผลิตลง ทั้งน้ีทางภาครัฐได้มีการจัดประชุมฉุกเฉินและออกมาตรการอนุมัติการขยายกําลังการผลิต รวมถึงให้ผู้ผลิตเพิ่มปริมาณการผลิตได้เกินโควต้าในช่วงที่เหลือของปี และเพิ่มการนำเข้าถ่านหินจากต่างประเทศเพื่อเร่งบรรเทาวิกฤตดังกล่าวเช่นเดียวกับอินเดียที่ขณะนี้ โรงไฟฟ้าเหลือสต็อกถ่านหินรอรองรับการผลิตได้เพียง 4 วัน จาก 13 วันในช่วงเดือน ส.ค.

ปัจจัยที่กระทบราคาในระยะยาว 

ภาพระยะยาวถ่านหินยังมีปัจจัยหนุนจากการเป็นเชื้อเพลิงที่มีต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าต่ำที่สุด ทําให้หลายประเทศยังสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินขึ้นตามแผนผลิตไฟฟ้าในระยะยาว แต่การเติบโตจากนี้อาจชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับอดีตเพราะหลายประเทศให้ ความสําคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นและหันมาสนับสนุนไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน 

ทั้งน้ี ราคาถ่านหินอิงดัชนี BJI ปี 2563 อยู่ท่ี 59 เหรียญฯ/ตัน ลดลงจากปี 2562 ท่ีเฉลี่ย 77 เหรียญฯ/ตัน สะท้อนความต้องการใช้ถ่านหินที่ลดลงจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แต่สําหรับปี 2564 แม้ราคาถ่านหินเฉลี่ยในปัจุบันจะยังคงอยู่ในระดับสูงจาก supply ที่ออกสู่ตลาดจํากัดในบางช่วงเวลา แต่คาดราคาจะปรับตัวลดลง หากสถานการณ์กลับคืนสู่ภาวะปกติ 

ดังนั้นฝ่ายวิจัย บล.เอเชีย พลัส จึงกําหนดสมมติฐานดัชนี BJI ปี 2564 ไว้ที่ 80-85 เหรียญฯ/ตัน โดยเพิ่มขึ้นจากปี 2563 ตามแนวโน้มภาพรวมเศรษฐกิจน่าจะทยอยฟื้นตัวได้จากปีท่ีผ่านมา

หากสถานการณ์กลับคืนสู่สภาวะปกติ คาดว่าราคาถ่านหินจะเริ่มปรับตัวลดลงตามภาวะสมดุลของ demand และ supply ที่แท้จริง โดยในภาพใหญ่ รายปีคาดแนวโน้มความต้องการใช้ถ่านหินค่อยๆ ปรับตัวลดลงในระยะยาว จากการปรับตัวในหลายๆประเทศที่ลดการใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงเพราะข้อจํากัดด้านมลพิษ

แนวโน้มราคาถ่านหินไตรมาสสุดท้ายของปี 64

นางสมฤดี  ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ซึ่งเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมถ่านหินรายใหญ่ของไทยมีมุมมองว่า ความต้องการใช้ถ่านหินและก๊าซธรรมชาติในช่วงฤดูหนาวจะผลักดันให้ราคาถ่านหินและก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นได้อีกในช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้ ตลอดจนการประสบปัญหาขาดแคลนเชื้อเพลิงที่ใช้สำหรับผลิตไฟฟ้าในประเทศจีน แต่ราคาอาจจะย่อตัวลงบ้างในปีหน้า เนื่องจากคาดว่าจะมีการปรับอุปทานให้เข้าสู่สมดุลย์มากขึ้น เพราะที่ผ่านมาการลงทุนฝั่งผู้ผลิตในช่วงโควิด-19 ค่อนข้างมีจำกัด รวมทั้งการขยายกำลังผลิตบางส่วนล่าช้าจากการล็อกดาวน์

โดยสรุปยังคาดว่าราคาถ่านหินจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไป ในส่วนของราคาก๊าซธรรมชาตินั้น คาดว่าน่าจะยังคงอยู่ในระดับที่ดีเช่นกัน นางสมฤดี กล่าว 

สำหรับการลงทุนด้านพลังงานของกลุ่มบริษัทบ้านปูในระยะยาว เน้นต่อยอดจากระบบนิเวศทางธุรกิจภายในกลุ่มบ้านปู โดยมองหาโอกาสการลงทุนในโรงไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยีเฮเล่ (HELE) หรือลดมลพิษเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตของความต้องการใช้ไฟฟ้าและได้รับการสนับสนุนจากนโยบายรัฐบาลต่อการผลิตพลังงานสะอาดในระยะยาว

ฝ่ายวิจัย บล.เอเชีย พลัส คาดว่าจากปัจจัยราคาถ่านหินและก๊าซธรรมชาติที่ยังคงพุ่งสูงต่อเนื่อง รวมถึงอุปสงค์ช่วงฤดูหนาว ที่เข้ามาช่วยหนุนให้เกิดปริมาณผลิตสูงขึ้น ตลอดจนธุรกิจไฟฟ้าฟื้นตัว จะทำให้หุ้นกลุ่มถ่านหินเป็นที่สนใจในการลงทุนช่วงนี้ โดยเฉพาะบริษัทบ้านปู ซึ่งคาดว่าบริษัทจะมีรายได้เติบโตสูงในปีนี้ และพลิกจากขาดทุนเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

ที่มา : บริษัทหลักทรัพย์เอเชีย พลัส จำกัด, บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน)

ติดต่อโฆษณา!