27 สิงหาคม 2564
1,800

คนไทยเงินเริ่มหมด! พบยอดเงินในบัญชีรายย่อยลดลง จาก 4,700 บาท เหลือแค่ 4,500 บาท

คนไทยเงินเริ่มหมด! พบยอดเงินในบัญชีรายย่อยลดลง จาก 4,700 บาท เหลือแค่ 4,500 บาท
Highlight
นับตั้งแต่การระบาดของโควิดรอบแรก เราเห็นคนไทยเก็บเงินในบัญชีธนาคารกันเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบัญชีขนาดใหญ่ เนื่องจากคนไทยระมัดระวังการใช้จ่าย และพยายามเก็บออม ขณะที่บัญชีรายย่อยๆ เงินก็เพิ่มขึ้นบ้างตามนโยบายรัฐ แต่เมื่อโควิดลากยาวกว่า 2 ปีเช่นนี้ ทำให้เราเริ่มเห็นยอดเงินฝากของคนไทย ทยอยลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มบัญชีเงินฝากที่มียอดไม่เกิน 5 หมื่นบาท สะท้อนว่าคนไทยระดับฐานราก กำลังหมดเงิน


เพจ Bnomics ได้รวบรวมข้อมูลเงินฝากของคนไทยที่น่าสนใจมานำเสนอ โดยถ้านับย้อนไปก่อนช่วงโควิด ในไตรมาสที่ 4 ปี 2562 มีจำนวนบัญชีเงินฝากในธนาคารพาณิชย์ทั้งสิ้น 102 ล้านบัญชี มูลค่ารวม 13.3 ล้านล้านบาท

บัญชีไม่เกิน 5 หมื่นบาท อยู่ที่ 88 ล้านบัญชี คิดเป็นเงิน 4 แสนล้าน เฉลี่ยบัญชีละ 4,712 บาท

บัญชีที่เกิน 5 หมื่นแต่ไม่ถึง 1 ล้านบาท อยู่ 11.6 ล้านบัญชี เป็นเงิน 2.66 ล้านล้านบาท (19.8%)

ขณะที่บัญชีมูลค่าตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป ที่มีบัญชีเพียง 1.55 ล้านบัญชี (1.53% ของทั้งระบบ) แต่มีมูลค่าเงินที่มากถึง 77.05% (กว่า 3 ใน 4) ของจำนวนเงินในระบบ 

เห็นได้ว่า บัญชีส่วนใหญ่เป็นบัญชีขนาดเล็กที่มีเงินเฉลี่ยเพียง 4,712 บาท มีเพียง 1.55 ล้านบัญชีที่มีเงินฝากเกิน 1 ล้านบาทที่มีมูลค่าเงินรวมมากถึง 3 ใน 4 ของจำนวนเงินทั้งระบบ 


หลังเกิดโควิด เงินฝากเปลี่ยนแปลงอย่างไร


ช่วงโควิด19 ระลอกแรกมีเงินฝากเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด สูงสุดเทียบย้อนหลัง 8 ไตรมาส ซึ่งในแต่ละไตรมาสมีการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างกันตามขนาดบัญชี ดังนี้

ไตรมาส 1 ปี 2563 เงินเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากบัญชีขนาดใหญ่ที่มีเงินฝากมากกว่า 1 ล้าน

ไตรมาส 2 และ 3 ปี 2563 เงินเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มบัญชี

ไตรมาส 4 ปี 2563 เงินเพิ่มขึ้นในกลุ่มบัญชีที่มีขนาดตั้งแต่ 5 หมื่นบาทขึ้นไป

ไตรมาส 1 ปี 2564 เงินเพิ่มขึ้นเฉพาะในกลุ่มบัญชีขนาดเล็ก (ขนาดบัญชีไม่เกิน 5 หมื่นและกลุ่มบัญชีที่ไม่ถึง 1 ล้าน)

ไตรมาส 2 ปี 2564 (ล่าสุด) เริ่มเห็นการหดตัวของเงินฝากที่มีขนาดไม่เกิน 5 หมื่นบาท 

โดยรวมเห็นว่า กลุ่มที่มีความมั่นคงทางการเงินสูงซึ่งเป็นผู้ที่เป็นเจ้าของเงินส่วนมากในระบบ มีการเพิ่มเงินเข้ามาเพื่อสำรองเงินสดไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน แต่บัญชีขนาดเล็กก็มีการเพิ่มขึ้นในบางช่วงเวลาเท่านั้น 

ดังนั้น เราจะมาลงรายละเอียดของแต่ละขนาดบัญชีกันนะคะ ว่ามีความเคลื่อนไหวอย่างไร


กลุ่มบัญชีขนาดเล็ก (บัญชีไม่เกิน 5 หมื่นบาท) เคลื่อนไหวตามนโยบายของรัฐ และค่าเฉลี่ยเงินต่อบัญชีลดลง


บัญชีกลุ่มนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในไตรมาสที่ 1 ปี 2563 หรือช่วงแรกของโควิด19 แต่เริ่มมีการขยายตัวที่ชัดเจนในไตรมาส 2 ปี 2563  ซึ่งเกิดจากการขยับตัวเพื่อเงินสำรอง

เมื่อแบ่งตามประเภทบัญชี จะพบว่าเงินฝากรวมประเภทฝากประจำลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2561 จนถึงปัจจุบัน อยู่ที่ 1-2% ต่อไตรมาส ซึ่งโดยรวมไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด19มากนัก

ในขณะที่เงินฝากออมทรัพย์ที่เป็นจำนวนเงินส่วนมากแต่ยังคงรักษาระดับที่ประมาณ 3.9 แสนล้านบาทตั้งแต่เริ่มโควิดจนถึงปัจจุบัน

เมื่อเทียบการขยายตัวของเงินฝากกับนโยบายการช่วยเหลือของรัฐพบว่าบัญชีกลุ่มนี้มีการขยายตัว ตรงกับช่วงที่รัฐบาลมีการเยียวยาในไตรมาส 2 ปี 2563 เราไม่ทิ้งกัน และนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจหลัก คนละครึ่ง ช้อปดีมีคืน ม.33 และ เราชนะ ที่มีในไตรมาสที่ 4 ปี 2563 และไตรมาสที่ 1 ปี 2564 

ในทางตรงกันข้าม เราพบว่าไตรมาสที่ 2 ปี 2564 ที่โครงการของภาครัฐ จำนวนเงินเริ่มลดลงมา ยิ่งไปกว่านั้นเงินฝากเฉลี่ยต่อบัญชีลดลงต่อเนื่องและต่ำสุดในไตรมาสล่าสุด (ไตรมาส 2 ปี 2564) เหลือเฉลี่ยต่อบัญชีที่ 4,517 บาท

กลุ่มบัญชีขนาดกลาง (ขนาด 5 หมื่นบาท ถึง1 ล้านบาท) มีการโยกเงินฝากประจำมาที่ออมทรัพย์ ค่าเฉลี่ยบัญชีคงที่

มีการขยายตัวที่ชัดเจนในไตรมาสที่ 2 ปี 63 เช่นเดียวกับบัญชีไม่เกิน 5 หมื่นบาท ซึ่งเป็นเงินข้างนอกที่ไหลเข้ามา 

หลังจากนั้นเงินฝากรวมเริ่มคงที่ และเห็นได้ว่าเงินฝากรวมประเภทฝากประจำลดลงชัดเจนในช่วงโควิด และเงินฝากออมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นในปริมาณใกล้เคียงกัน อาจเป็นการสลับเปลี่ยนเงินเพื่อเตรียมสภาพคล่องให้กับตัวเอง และค่าเฉลี่ยต่อบัญชีการเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบใกล้เคียงเดิม ไม่ได้เพิ่มขึ้นหรือลดลง


กลุ่มบัญชีขนาดใหญ่ (มากกว่า 1 ล้านบาท) มีการนำเงินจากแหล่งอื่นเข้ามาฝากเพิ่มในช่วงวิกฤต


มีเงินเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในระยะแรกของโควิดทันที ในไตรมาสที่ 1 ปี 63 ผู้ฝากกลุ่มนี้มีเงินจากภายนอกไหลเข้ามา มากถึง 9.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แสดงให้เห็นการนำเงินมาสำรองเงินไว้ใช้ในยามฉุกเฉินทันทีเมื่อเริ่มเกิดวิกฤต

เมื่อแยกตามประเภทบัญชีพบว่าเงินฝากรวมประเภทฝากประจำลดลงชัดเจนในช่วงโควิด สวนทางกับเงินฝากออมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นเงินในบัญชีออมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นนั้นส่วนหนึ่งมาจากการย้ายโอนจากฝากประจำมายังออมทรัพย์ 

อย่างไรก็ตามเงินจากภายนอกระบบบัญชีเงินฝากไหลเข้ามาเพิ่มในระบบด้วย 

และช่วงโควิดระรอกใหม่ในไตรมาสที่ 4 ปี 2563 มีการเพิ่มขึ้นของเงินฝากในกลุ่มนี้อีกครั้ง (เช่นเดียวกันกับการระบาดระลอกแรก) ซึ่งสิ่งนี้แตกต่างจากผู้ฝากกลุ่มบัญชีขนาดเล็กกว่าไม่สามารถนำเงินจากการลงทุนอื่นมาเป็นเงินฝากได้

สรุป ภาพรวมเงินฝากที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่ตลอดช่วงโควิด-19 มาจากกลุ่มบัญชีขนาดใหญ่ และเห็นการเพิ่มขึ้นของกลุ่มบัญชีขนาดเล็กสอดคล้อยตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจโดยภาครัฐ เริ่มเห็นการหดตัวในไตรมาสล่าสุด แม้จะเห็นว่าการเพิ่มขึ้นเกิดจากบัญชีขนาดใหญ่แต่เราก็พบการนำเงินฝากประจำออกมาใช้เป็นจำนวนมาก ซึ่งสะท้อนถึงการดึงเงินมาหมุนเพื่อเสริมสภาพคล่อง  ถ้าสถานการณ์โควิด19 ยังยืดเยื้อ โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการ lock down อย่างต่อเนื่องและมีควบคุมการระบาดได้ไม่ดี เราอาจเห็นภาพเงินฝากที่หดตัวลงในอนาคตได้

ที่มา : ฉัทชนัน สุริยาอมรานนท์ Data Analyst Internship, Bnomics

ติดต่อโฆษณา!