16 สิงหาคม 2564
2,243

ตลาดหุ้นยุโรปสดใส ผลตอบแทนพุ่งอันดับหนึ่ง ในขณะที่กองทุนหุ้นจีนร่วง ในรอบเดือนที่ผ่านมา

ตลาดหุ้นยุโรปสดใส ผลตอบแทนพุ่งอันดับหนึ่ง ในขณะที่กองทุนหุ้นจีนร่วง ในรอบเดือนที่ผ่านมา
HighLight

เนื่องจากทางโซนยุโรปมีความคืบหน้าการกระจายวัคซีน ส่งผลให้มีการกลับมาเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น หุ้นทั้งขนาดใหญ่ไปจนถึงเล็กมีการฟื้นตัวได้ดี กองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดอยู่ที่ 11.4% ส่วนกองทุนหุ้นจีนได้รับผลกระทบรุนแรงจากมาตรการจากทางการจีนกับธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีและด้านการศึกษา ส่งผลให้กองทุนติดลบสูงสุด 16%


กองทุนยุโรปรุ่ง กองทุนหุ้นจีนร่วง ในรอบเดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ ในรอบปี 2020 กองทุนกลุ่มหุ้นยุโรปมีผลตอบแทนที่ไม่ได้สูงนัก หรือโดยเฉลี่ย 5% แต่เป็นกลุ่มที่มีผลตอบแทนค่อนข้างสูงในปีนี้ โดยในรอบครึ่งแรกของปีเฉลี่ยที่ 15.7% และยังคงดีต่อเนื่องใน 1 เดือนที่ผ่านมา ขณะเดียวกันกองทุนจากจีนที่เป็นกลุ่มดาวเด่นในปีที่แล้วกลับเป็นกองทุนผลตอบแทนติดลบมากสุดในปีนี้ อันเนื่องมาจากกฎเกณฑ์จากทางการจีนที่สร้างความกังวลต่อบางธุรกิจ


กองทุนผลตอบแทนสูงสุด 10 อันดับ

เนื่องจากทางโซนยุโรปมีความคืบหน้าการกระจายวัคซีน ส่งผลให้มีการกลับมาเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น หุ้นทั้งขนาดใหญ่ไปจนถึงเล็กมีการฟื้นตัวได้ดี ส่งผลต่อกองทุนรวมหุ้นยุโรปในไทยเช่นกันกองทุน Krungsri Europe Equity มีผลตอบแทนสูงสุดรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา หรือ 11.4% (ข้อมูล ณ วันที่ 6 สิงหาคม 2021) และผลคอบแทนปี 2020 ที่ 20.9%

กองทุนนี้มีการลงทุนทั้งหมดไปยังกองทุน Allianz Europe Equity Growth AT EUR ที่เป็นกองทุนหุ้นขนาดใหญ่ในยุโรปที่มีการเติบโต จากข้อมูลพอร์ตการลงทุนเมื่อเดือนมิถุนายนระบุว่ามีการลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยี อุตสาหกรรม สินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่ม Healthcare รวมกันมากกว่า 70% เช่น ASML Holding, Infineon Technologies ที่เป็นผู้ผลิต semiconductor บริษัทโลจิสติกส์ DSV Panalpina เป็นต้น

20210816-a-01.jpg

นอกจากกองทุนจาก บลจ.กรุงศรี ยังมีกองทุนจาก บลจ.กสิกรไทย ที่ไปลงทุนกองเดียวกันคือ K European Equity แต่จะมีความต่างกันเช่น ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากกองทุน และมูลค่าซื้อขั้นต่ำ

กองทุน K Positive Change Equity มีผลตอบแทน 73.3% ในปี 2020 และยังมีผลตอบแทนดีในปีนี้ โดย 1 เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 11%
กองทุนนี้มีการลงทุนในกลุ่ม Healthcare สูงสุดที่ 33% ลงทุนในหลายบริษัทที่ผู้ลงทุนอาจคุ้นชื่อกันดีเช่น Moderna, ASML Holding, Tesla และ Taiwan Semiconductor เป็นต้น

อินเดียเป็นอีกตลาดหนึ่งในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ที่มีผลตอบแทนสูงแม้จะต้องเจอกับสถานการณ์โรคระบาด Covid-19 ที่รุนแรง ซึ่งเกิดจากอินเดียยังคงมีการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจซึ่งต่างจากการระบาดในรอบแรก ทำให้อินเดียเป็นอีกหนึ่งกลุ่มกองทุนที่มีผลตอบแทนดีในปีนี้ กองทุน TISCO India Active Equity A มีผลตอบแทนรอบ 1 เดือนที่ 8.8% และสะสมตั้งแต่ต้นปีที่ 33.7%


กองทุนผลตอบแทนต่ำสุด 10 อันดับ

ในทางกลับกันกองทุนหุ้นจีนได้รับผลกระทบรุนแรงจากมาตรการจากทางการจีนกับธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีและด้านการศึกษา เกิดแรงขายจากความกังวลที่นำไปสู่ผลตอบแทนติดลบในหลายกองทุน กองทุน BCAP China Technology มีผลตอบแทนติดลบมากสุดในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาที่ -16.6% โดยกองทุนนี้ลงทุนไปที่กองทุนจาก Invesco และ KraneShares ซึ่งทั้งสองกองทุนมีสัดส่วนการลงทุนใน Tencent Holdings สูงเป็นอันดับต้น ๆ ของพอร์ต

20210816-a-02.jpg

กองทุน United All China Equity มีการลงทุนไปที่กองทุน UBS All China และ TMB China Opportunity มีการลงทุนไปที่ UBS China Opportunity แม้จะเป็นคนละกองทุนแต่มีหน้าตาพอร์ตที่ค่อนข้างคล้ายกัน มีการลงทุนในหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการเกี่ยวกับการศึกษาและการควบคุม/จำกัดเวลาการเล่นเกมส์

นักวิเคราะห์ของทางมอร์นิ่งสตาร์มองเรื่องผลกระทบต่อ Tencent ว่าตลาดอาจมีความกังวลมากเกินไป เนื่องจากมีการจำกัดเวลาการเล่นเกมส์อยู่แล้ว รวมทั้งรายได้จากเกมส์ที่มาจากการเติมเงินนั้นมักมาจากผู้ใหญ่มากกว่า

ทั้งนี้กองทุนหุ้นจีนจาก UBS ทั้ง 2 กองนี้เป็นกองทุนที่สร้างผลตอบแทนได้โดดเด่นในอดีตด้วยผลตอบแทนเกือบ 30% ในปี 2020 จากกระบวนการการวิเคราะห์และประเมินหุ้นโดยทีมงานที่มีประสบการณ์

ด้านกองทุน WE-CANAB มีผลตอบแทน -11.9% เนื่องจากมีข่าวเชิงลบเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม มีการลงคะแนนเสียงวุฒิสภาซึ่งยังไม่มากพอที่จะทำให้กัญชาเป็นพีชที่ถูกกฎหมายในระดับประเทศ อย่างไรก็ดีอุตสาหกรรมกัญชายังมีศักยภาพจากหลายรัฐมีการใช้กัญชาได้อย่างถูกกฎหมายทั้งด้านการแพทย์หรือสันทนาการ  รวมทั้งผู้บริโภคเริ่มเข้ามาในตลาดที่ถูกกฎหมายมากขึ้น

ที่มา : Morningstar Thailand

ติดต่อโฆษณา!