06 สิงหาคม 2564
2,304

ในภาวะเศรษฐกิจอาจถดถอย เงินบาทอ่อนค่า “กลุ่มส่งออกคือผู้รอด”

ในภาวะเศรษฐกิจอาจถดถอย เงินบาทอ่อนค่า “กลุ่มส่งออกคือผู้รอด”
HighLight

บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยคาดว่าทั้งเศรษฐกิจไทยและเงินบาทจะอ่อนตัวลงในครึ่งหลังปี 2564 เนื่องจากหลายๆ อุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 อย่างหนัก แนะนำลงทุนในหุ้นส่งออก ที่ได้รับผลกระทบน้อยและกำไรจากอ่อนค่าของเงินบาท


การที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ทาง Fed เริ่มพิจารณาการปรับลดมาตรการ QE ลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ขณะที่ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่การฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 ช้าที่สุดและสถานการณ์ปัจจุบันก็แย่ลง
 
รัฐบาลไทยประกาศมาตรการควบคุมที่เข้มงวดขึ้นเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในระลอก 4 แต่ก็พบว่ามีการเร่งฉีดวัคซีนที่ช้ากว่าคาด ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่ทางออกของวิกฤติในครั้งนี้
 
ด้วยเหตุนี้ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย คาดว่าทั้งเศรษฐกิจไทยและเงินบาทจะอ่อนตัวลงในครึ่งหลังปี 2564 อย่างไรก็ดี ดูเหมือนกลุ่มส่งออกจะได้รับผลกระทบในวงแคบจากความต้องการตลาดโลกที่แข็งแกร่งและการอ่อนค่าลงของเงินบาท ซึ่งช่วยกระตุ้นกำไรของกลุ่มนี้ขึ้น
 

คัดสรรหุ้นกลุ่มส่งออกเพื่อหาตัวที่น่าดึงดูดมากที่สุด ทั้งนี้นักวิเคราะห์ได้ใช้เกณฑ์ 4 ประการในการค้นหาหุ้นเด่นในกลุ่มส่งออก

 
1. จากการวิเคราะห์ปัจจัยอ่อนไหว (sensitivity analysis) ซึ่งพบว่าถ้าค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 32.5/33.0/34.0 บาท/ดอลลาร์ฯ ในครึ่งหลังปี 2564 หุ้นที่จะมี upside สูงที่สุดต่อราคาเป้าหมายคือ TNR (20%/24%/32%) SVI (19%/25%/37%) KCE (12%/16%/23%) และ ASIAN (12%/16%/23%)
 
2. ในแง่ของการเปรียบเทียบระหว่างการเติบโตของกำไรต่อ PER (Price to Earning Ratio) ในปี 2564-65 พบว่า KCE EPG และ TNR คือหุ้นที่น่าดึงดูดมากที่สุดในแง่นี้
 
3. หุ้นที่คาดว่าจะรายงานกำไรที่แข็งแกร่งในไตรมาส 2/2564 (เติบโตขึ้นทั้ง YoY และ QoQ) ได้แก่ KCE TU EPG และ MEGA
 
4. หุ้นที่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตด้านกำไรที่สูงที่สุดในปี 2565 คือ GFPT (46%) KCE (44%) EPG (43%) DELTA (31%) และ HANA (28%)
 

หุ้นเด่นที่ บล.กสิกรไทย แนะนำคือ KCE, SVI และ EPG เมื่อดูจากทุกแง่มุมดังกล่าวพบว่า

 
KCE มีสถานะที่ดีที่สุด ด้วย upside ที่อาจเกิดขึ้นจากทิศทางการอ่อนค่าของเงินบาท ด้วยคาดการณ์การเติบโตของกำไรที่ 92% ในปี 2564 และ 44% ในปี 2565 และมีทิศทางกำไรเป็นบวกในไตรมาส 2/2564 (เติบโตขึ้นทั้ง YoY และ QoQ) และมีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อเนื่องในครึ่งหลังปี 2564 ขณะที่ราคาปิดล่าสุดยังมี upside ที่อาจเกิดขึ้นราวๆ 25% ต่อราคาเป้าหมายของเราที่ 95.0 บาท
 
SVI จะได้ประโยชน์มากที่สุดจากการอ่อนค่าลงของเงินบาท แม้เราจะคาดว่าการเติบโตของกำไรในปี 2564 จะติดลบ แต่มองว่าจะกลับมาเป็นบวกได้ในปีหน้า (24%) นอกจากนี้ SVI ก็มีทิศทางกำไรที่แข็งแกร่งในไตรมาส 2/2564 ด้วยภาพรวมที่เป็นบวกตลอดช่วงที่เหลือของปี ขณะที่ราคาหุ้นมี upside 12% ต่อราคาเป้าหมายของเรา
 
EPG มีทิศทางกำไรเป็นบวกในครึ่งหลังปี 2564 และคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตด้านกำไรที่แข็งแกร่งในปี 2564-65 ที่ 22%/33%

#รู้ไว้ไม่ตกเทรนด์คลิกอ่านทันข่าว

ติดต่อโฆษณา!