21 กรกฎาคม 2564
2,505

ธุรกิจโรงแรมยังหนัก หลังอัตราการเข้าพัก ยังไม่ถึง 8%

ธุรกิจโรงแรมยังหนัก หลังอัตราการเข้าพัก ยังไม่ถึง 8%
HighLight

หนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดตั้งแต่โควิด-19 ระบาดรอบแรกจนถึงรอบล่าสุดนี้ คงจะหนีไม่พ้นธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว ที่แม้ช่วงหนึ่ง ถึงเราจะยังไม่สามารถพึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติได้ แต่เรายังพอคาดหวังการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวชาวไทยกันเองมาชดเชยได้บ้าง แต่การระบาดรอบล่าสุดของโควิด-19 ก็ทำให้ความหวังนั้นพังทลายลงไปอีกครั้ง และสำหรับโรงแรม สถานการณ์ ณ ตอนนี้ อาจอยู่ในจุดที่แย่ที่สุด นับตั้งแต่โควิด-19 ระบาดมาด้วยซ้ำ #ทันข่าวลงทุน รู้ไว้ไม่ตกเทรนด์ ชวนทุกคนไปอัปเดตกัน

เดือนมิถุนายน ฟื้นตัวเล็กน้อย แต่ยังแย่หนัก

ทราบกันดีกว่าโรงแรมโดยทั่วไปในภาวะปกติ จะมีอัตราจุดคุ้มทุนของการเข้าพักที่ระดับ 50-60% ของจำนวนห้องทั้งหมด ขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ ซึ่งถ้ามีแขกเข้าพักมากกว่านั้น ก็เป็นกำไรไป แต่แน่นอนว่า ตัวเลขดังกล่าวได้ปรับลดลงมามาก เพราะโรงแรมได้ทำการตัดทอนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เพื่อความอยู่รอด โดยตัวเลขล่าสุดที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยบอกไว้คือ 28% เท่านั้น ซึ่งถือว่า ปรับลดลงมาจากอัตราปกติกว่าครึ่งหนึ่ง


แต่แม้โรงแรมจะลดต้นทุนลงมาได้ขนาดนี้ ก็ยังไม่สามารถทำกำไรได้ เพราะอัตราการเข้าพักจริง ต่ำกว่านั้น


นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า วิกฤติโควิด-19 ยังส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจโรงแรมต่อเนื่อง ทำให้อัตราเข้าพักเมื่อเดือน มิ.ย. 64 ที่ผ่านมา เฉลี่ยอยู่ที่ 7.89% แม้จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือน พ.ค. 64 ที่ผ่านมา ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 4.95% แต่ก็ยังถือว่าต่ำกว่าประมาณการ “จุดวิกฤติของภาคธุรกิจโรงแรม” หรืออัตราเข้าพักเฉลี่ยต่ำสุดที่ทำให้ระดับผลกำไรของโรงแรมเป็นศูนย์ซึ่งอยู่ที่ 28%


และทำให้เดือน มิ.ย. 64 เป็นเดือนที่โรงแรมไทยมีอัตราเข้าพักต่ำที่สุดเป็นอันดับ 4 ในรอบ 15 เดือนนับตั้งแต่รัฐบาลประกาศล็อกดาวน์รอบแรกเมื่อเดือน เม.ย. 63 ซึ่งเป็นเดือนที่มีอัตราเข้าพักต่ำที่สุดเป็นอันดับ 1 อยู่ที่ 2.23% ตามมาด้วยเดือน พ.ค. 63 มีอัตราเข้าพักเฉลี่ยต่ำสุดเป็นอันดับ 2 ที่ 3.79% และเดือน พ.ค. 64 มีอัตราเข้าพักเฉลี่ยต่ำสุดเป็นอันดับ 3 ที่ 4.95%


“อัตราการเข้าพักเพียง 7% เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ถือว่าต่ำมาก สะท้อนว่าผู้ประกอบการท่องเที่ยวและโรงแรมกำลังเดือดร้อนอย่างหนักจากสถานการณ์โควิด-19”


ด้านผู้ประกอบการ นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า ขณะนี้มีโรงแรมจำนวนมากไม่สามารถแบกรับภาระค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะ “ค่าจ้างพนักงาน” ต่อไปได้ โดยเฉพาะโรงแรมที่เคยได้ลูกค้านักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก ทำให้หลายโรงแรมในไทยทั้งขนาดใหญ่และขนาดกลาง ประกาศขายมากกว่า 10-20% ของโรงแรมทั้งหมด 


ผู้ประกอบการประเมินว่า กลุ่มที่น่าห่วงที่สุดคือ “กลุ่มโรงแรมขนาดกลาง” ที่แม้จะมีสายป่านพอสมควร แต่เนื่องจากรัฐบาลยังไม่สามารถควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้ ส่งผลให้เงินทุนที่มีอยู่กำลังจะหมดลง จึงอยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้ามาช่วยเหลือเรื่องการหยุดชำระเงินต้นและดอกเบี้ย เพราะที่ผ่านมามีการเจรจา เพื่อขอหยุดชำระหนี้เงินต้น แต่ดอกเบี้ยยังคงเดินอยู่ ส่งผลให้หนี้สินของธุรกิจโรงแรมมีแต่จะพอกพูนสูงขึ้น


หากรัฐบาลจะออกมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) มองว่า ขณะนี้โรงแรมหลายแห่งเป็นหนี้เพิ่มไม่ไหวแล้ว จึงอยากให้พิจารณาช่วยเรื่องเงินกู้ระยะยาว กำหนดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 2% มากกว่า ซึ่งน่าจะพอพยุงการจ้างงานต่อไปได้ถึงปี 2565


และแน่นอนว่าสิ่งที่ผู้ประกอบการอยากเห็นคือวัคซีน นางมาริสา กล่าวว่า “นอกเหนือจากมาตรการช่วยเหลือทางการเงินที่ตอบโจทย์ผู้ประกอบการโรงแรมแล้ว อีกสิ่งที่ต้องการมากที่สุดในตอนนี้คือวัคซีน เพราะถ้าไม่มีวัคซีน ทุกอย่างก็เดินหน้าไม่ได้ อย่างไรก็ตาม สมาคมฯ ก็หวังว่ารัฐบาลจะสามารถแก้ปัญหาได้ในเร็ววันนี้ โดยเผื่อใจไว้ว่าสถานการณ์น่าจะค่อย ๆ ดีขึ้น ในปี 2565-2566 และเตรียมใจไว้หากธุรกิจโรงแรมจำเป็นต้องลดขนาดธุรกิจลง ลดต้นทุน ลดการจ้างงานลงอีก เพื่อคุมค่าใช้จ่าย จากปัจจุบันมีการลดการจ้างงานในภาคท่องเที่ยวไปแล้วกว่า 50%” 


นอกจากนี้ เราอาจยังต้องตามตัวเลขเดือน ก.ค. ที่สถานการณ์ระบาดรุนแรงขึ้นอีก ว่าจะกระทบกับจำนวนผู้เข้าพักเพิ่มเติมหรือไม่

#รู้ไว้ไม่ตกเทรนด์คลิกอ่านทันข่าว

ติดต่อโฆษณา!