02 เมษายน 2564
3,466

5 คำตอบ การลงทุน ”พลังงานสะอาด”ใน”จีน” คือ เมกะเทรนด์ที่ “ใช่” ในเวลานี้

5 คำตอบ การลงทุน ”พลังงานสะอาด”ใน”จีน” คือ เมกะเทรนด์ที่ “ใช่” ในเวลานี้

Written by ทันข่าวToday

Highlight
5 คำตอบว่าทำไม 
ธีมการลงทุนในพลังงานสะอาดในจีน 
คือ เมกะเทรนด์ที่ “ใช่” ในเวลานี้

1. ธีมการลงทุนในพลังงานสะอาดเป็นเมกะเทรนด์ที่กำลังเติบโตทั่วโลก
และถ้าประเทศไหนที่มีโอกาสเติบโตแบบก้าวกระโดดที่สูงที่สุดในโลก จากธีมลงนี้? 
คำตอบ ก็คือ “ประเทศจีน” ...เพราะอะไร หลายคนอาจสงสัย ? 

2 ปัจจัยหลัก

1. คือ การได้รับแรงสนับสนุนอย่างจริงจังจากรัฐบาลจีน

จากผลงานที่ผ่านมาเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริงจังของรัฐบาลจีน ที่สามารถทำตามเป้าหมายที่วางไว้ในแผนนโยบาย 5 ปี ฉบับที่แล้วได้สำเร็จ (National Five-Year Plan 2016-2020) เช่น 
▪️ การเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน 
▪️ การลดปริมาณการปล่อยคาร์บอน มีปริมาณการใช้พลังงานลดลง เป็นต้น 

ยกตัวอย่างว่า
เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้ทุ่มงบประมาณ 3.6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อลงทุนในพลังงานหมุนเวียน ตั้งเป้าสร้างโรงงานพลังงานแสงอาทิตย์พลังงานลมขนาด 1200 กิกะวัตต์ภายในปี 2030 (เทียบเท่ากำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งระบบของสหรัฐอเมริกา)

2. คือ ภาคธุรกิจของจีนมีศักยภาพเติบโตสูง

หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า ปัจจุบันจีนเป็นผู้นำในการด้านการผลิตและติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ คิดเป็นสัดส่วน 72% ของโลก และยังเป็นผู้ผลิตพลังงานจากกังหันลม 50% ของโลก 

นอกจากนี้ยังมีมูลค่าการลงทุนในธุรกิจรีไซเคิลน้ำเสีย ที่คาดว่าจะเติบโต 8.9-14.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2021-2025 

ขณะที่ด้านธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ประเทศจีนก็ถือว่าเป็นต้นน้ำของชิ้นส่วนสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้า โดยเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมกว่า 77% ของโลก และจีนยังเป็นแหล่งแร่ Rare กว่า 50% ของโลก

20210402-a-3.jpg

2. 2 ธีมลงทุนโดดเด่นในตลาดจีน คืออะไร
1. พลังงานทางเลือก

เพราะสามารถเป็นแหล่งพลังงานที่ลดมลภาวะได้เป็นอย่างดี 

รัฐบาลจีนกำหนดนโยบายที่ชัดเจนว่า ภายในปี 2030 พลังงานไฟฟ้าต้องมาจากพลังงานทางเลือก 40% ซึ่งพลังงานที่น่าจับตา ก็คือ 
▪️ พลังงานจากโซล่าเซลล์ 
▪️ พลังงานลม 
ที่รัฐบาลจีนปักธงว่าจะเพิ่มการผลิตพลังงานไฟฟ้าให้ได้ 1,500 กิกะวัตต์ (เทียบกับประเทศไทยเพิ่มขึ้น 4-5 เท่าของประเทศไทย) 

20210402-a-1.jpg

20210402-a-2.jpg
2. ยานยนต์ไฟฟ้า

ประเทศจีนถือว่าเป็นต้นน้ำของชิ้นส่วนสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้าไปจนถึงปลายน้ำ เรียกว่าทั้งระบบ Ecosystem 
จีน เรียกได้ว่าทะลายข้อจำกัดของรถ EV ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยีของแบตเตอรี่ซึ่งจีนผูกขาดตลาดอยู่แล้ว 

20210402-a-4.jpg

3. “จีน” กลายเป็นผู้กำหนดมาตรฐานโลกของยานยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต 
4. กองทุนที่เน้นลงทุนเทคโนโลยีรักษาสิ่งแวดล้อมในประเทศจีน กองทุนไหนที่น่าสนใจ ?

กองทุนเปิดฟิลลิป ไชน่า กรีน เอ็นเนอร์จี แอนด์ เอ็นไวรอนเมนท์ หรือ P-CGREEN น่าสนใจในเวลานี้ ด้วยจุดเด่น ที่เน้นลงทุนเทคโนโลยีรักษาสิ่งแวดล้อมตามนโยบายของรัฐบาลจีน เช่น บริษัท แบตเตอรี่ CATL ที่เรียกได้ว่า ผูกขาดตลาดของลิเธียมไอออน 
20210402-a-5.jpg
และส่วนแบ่งการตลาดของรถ EV จีนครองสัดส่วนกว่า 41% สูงที่สุดของโลก !! 
ในปี 2564 คาดว่า อัตราการเติบโตของ EV ที่ประเทศจีน จะเติบโตถึง 51% 
เพราะ ประเทศจีนผูกขาดตลาดแบตเตอรี่อย่างชัดเจน ในขณะที่นโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ถือว่าเป็นจุดน่าสนใจของกองทุน P-CGREEN

5. Key Succuess ของกองทุน P-CGREEN คืออะไร ?

กองทุน P-CGREEN เป็นกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนกองทุนรวมอีทีเอฟต่างประเทศเพียงกองเดียวไม่น้อยกว่า 80% คือ KraneShares MSCI China Environment ETF (KGRN) ที่อ้างอิงดัชนี MSCI China IMI Environment 10/40 Index ซึ่งเป็นผู้ให้บริการดัชนีและการวิจัย ESG ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีสินทรัพย์อ้างอิงรวมกว่า 108 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย KraneShares เป็นพาร์ทเนอร์กับ CICC ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำด้านการเงินของประเทศจีนที่เชี่ยวชาญด้านงานวิจัย

สำหรับ KGRN เป็นอีทีเอฟเน้นลงทุนในตราสารทุนที่มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีการรักษาสิ่งแวดล้อมทั้งหมดในประเทศจีน ภายใต้ 5 ธีมการลงทุนหลัก คือ พลังงานทางเลือก อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า การจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน การป้องกันมลพิษ และอาคารสีเขียว โดยลงทุนทั้ง Value Chain คือลงทุนทั้งธุรกิจหลักและธุรกิจที่สนับสนุนสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงไปในตัวอีกด้วย โดยผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 134.94% (ข้อมูล ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564)
20210402-a-8.jpg
เวลานี้ หากโลกต้องการผลิตรถ EV หรือ Solar Cell ก็ต้องซื้อจากประเทศจีน !! 

สำหรับนักลงทุนที่มองหาการลงทุนระยะยาวที่มั่นคง ธีมการลงทุนนี้ ถือว่าเป็นจังหวะที่ดี ที่จะเข้าลงทุน 

20210402-a-6.jpg

20210402-a-7.jpg
กองทุนเปิดฟิลลิป ไชน่า กรีน เอ็นเนอร์จี แอนด์ เอ็นไวรอนเมนท์ หรือ P-CGREEN ทั้งนี้ จะเปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) ตั้งแต่วันที่ 16-26 เม.ย.64 โดยลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท
==============

ติดต่อโฆษณา!