15 มกราคม 2567
624
7 ธีมการลงทุนยั่งยืน ที่น่าจับตามองในอนาคต
บลจ.ยูโอบี ประเมินเทรนด์การลงทุนในระยะยาวที่นักลงทุนไม่ควรพลาด และอุตสาหกรรมเหล่านี้ จะเป็นอุตสหกรรมแบบไหน ที่จะเติบโตท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงและความไม่แน่นอนสูงได้ จากการวิเคราะห์พบว่า การลงทุนอย่างยั่งยืน (Sustainable Investment) คือ เป็นเทรนด์การลงกลทุนที่จำเป็นต้องมีในพอร์ต
ESG ซึ่งประกอบไปด้วย สิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และบรรษัทภิบาล (Governance) ทำไม ESG จึงสำคัญและจำเป็นต่อการทุนในอนาคต บลจ.ยูโอบี อธิบายไว้ดังนี้
1. ช่วยขับเคลื่อนให้อุตสาหกรรมต่าง ๆ บรรลุเป้าหมาย Paris Agreement
Paris Agreement คือข้อตกลงที่กว่า 197 ทั่วโลก มีจุดยืนที่เข้มแข็งร่วมกันที่จะเดินหน้าไปสู่ศรษฐกิจสีเขียว “Green Economy” ด้วยการลดการปล่อยคาร์บอน เพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาด เพื่อควบคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้สูงขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียส
เป้าหมายดังกล่าวนั้นเป็นตัวเร่งให้ภาคอุตสาหกรรมหันมาพัฒนาธุรกิจสู่ความยั่งยืนมากขึ้น ตลอดจนเพิ่มเม็ดเงินลงทุนมหาศาลที่เข้ามาสนับสนุนธุรกิจด้าน Green Economy ในทางกลับกันกฎระเบียบด้าสิ่งแวดล้อมที่เข้มข้นขึ้นก็กลายเป็นแรงกดดันของธุรกิจที่มีการปล่อยมลพิษสูงเช่นกัน
2. ช่วยรับมือกับความผันผวนในอนาคต
ผลการศึกษาต่าง ๆ พบว่าบริษัทที่ให้ความสำคัญด้านความยั่งยืน จะช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนได้ในระยะยาว ทั้งมิติทางการแข่งขัน และการถูกยอมรับจากผู้มีส่วนได้เสีย (Stakeholders) เนื่องจาก ESG เป็นกลไกที่สำคัญในการช่วยลดความเสี่ยงจากการดำเนินงานของบริษัท ในระยะยาวได้
3. ทำให้ธุรกิจมีศักยภาพเติบโตในระยะยาว
เพราะแก่นของการลงทุนอย่างยั่งยืน ไม่ใช่การมุ่งเน้นบริษัทที่จะสร้างผลกำไรเติบโตสูงในระยะสั้น แต่เป็นการให้ความสำคัญกับกลยุทธ์เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันระยะยาว ตลอดจนพยายามแสวงหาธุรกิจใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพ และเป็นเมกะเทรนด์ของโลกอนาคต
4. ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ
ปัจจุบันเราจะเห็นว่ารัฐบาลและหน่วยงานด้านการกำกับดูแลต่าง ๆ ทั่วโลก ต่างก็เข้ามามีบทบาทและมีมาตรการส่งเสริมสนับสนุนบริษัทที่ดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG มากขึ้นเรื่อย ๆ
7 ธีมการลงทุนยั่งยืน ที่น่าจับตามองในอนาคต
1. Sustainable Water Equities
เป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาและจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นลงทุนในบริษัทที่มีการปกป้องคุณภาพแหล่งน้ำของโลก การบำบัดน้ำเสีย และการปรับปรุงและหมุนเวียนน้ำให้สะอาดสามารถนำกลับมาใช้ใหม่
2. Sustainable Healthy Living Equities
เป็นการลงทุนในบริษัทที่นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ส่งเสริมวิถีชีวิตที่ดีในเรื่องสุขภาพเพื่ออายุที่ยืนยาวแข็งแรง เช่น ผู้ผลิตยาและวัคซีน เครื่องมือทางการแพทย์ บริการทางการแพทย์ รวมไปถึงนวัตกรรมทางชีวภาพสำหรับการตรวจวินิจฉัยโรค
3. Circular Economy Equities
ธีมการลงทุนที่ส่งเสริมระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน กระบวนการผลิตที่เน้นการนำวัตถุดิบและทรัพยากรให้หมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่แบบไม่รู้จบ ตลอดห่วงโซ่การผลิต เพื่อให้เกิดความยั่งยืนทางธุรกิจ นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มยอดขาย อัตรากำไร และความสามารถทางการแข่งขันอีกด้วย
4. Smart Materials Equities
อุตสาหกรรมการผลิตที่มุ่งเน้นการใช้วัสดุที่เป็นนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้กระบวนการผลิตมีความสะอาด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และประหยัดได้มากขึ้น
5. Smart Energy Equities
ธีมการลงทุนที่ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสู่เศรษฐกิจ คาร์บอนต่ำ ด้วยการส่งเสริมการใช้พลังงานอัจฉริยะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานของชุมชน เช่น การผลิตพลังงานสะอาด ระบบกักเก็บพลังงาน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน อัจฉริยะแบบครบวงจร เป็นต้น
6. Smart Mobility Equities
การลงทุนในระบบจราจรและการขนส่งอัจฉริยะ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความสะดวก และความปลอดภัยในการเดินทางขนส่ง รวมทั้งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับบริษัทในกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ ตลอดจนผู้พัฒนาระบบเครือข่ายการเดินทาง และซอฟต์แวร์ยานยนต์ไร้คนขับ เป็นต้น
7. Biodiversity Equities
เป็นธุรกิจที่ตระหนักถึงความหลากหลายทางทรัพยากรธรรมชาติและระบบนิเวศอย่างยั่งยืนโดยใช้นโยบายการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนไปพร้อมกับการรักษาสิ่งแวดล้อมและสังคม
ที่มา:
RobecoSAM as of 2023 : UN Sustainable Development Goals: SDGs
https://www.uobam.co.th/th/Sustainability