19 ธันวาคม 2566
300

SCGD เตรียมเข้าเทรด 20 ธ.ค. มาร์เก็ตแคปเฉียด 1.9 หมื่นล้านบาท

SCGD เตรียมเข้าเทรด 20 ธ.ค. มาร์เก็ตแคปเฉียด 1.9 หมื่นล้านบาท

นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เผยตลาดหลักทรัพย์ฯ รับ บมจ. เอสซีจี เดคคอร์ (SCG Decor - SCGD) เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดวัสดุก่อสร้าง โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “SCGD” ในวันที่ 20 ธันวาคม 2566 นี้
.
SCGD เป็นธุรกิจ flagship ของกลุ่มปูนซิเมนต์ไทย ประกอบธุรกิจด้วยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ดำเนินธุรกิจผลิตกระเบื้องปูพื้น บุผนัง ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ได้แก่ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย

รวมทั้งธุรกิจผลิตสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ภายในห้องน้ำในประเทศไทย ภายใต้ตราสินค้าที่เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง อาทิ COTTO SOSUCO CAMPANA PRIME MARIWASA และ KIA

โดยมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมทั้งภูมิภาคอาเซียน ผ่านเครือข่ายร้านค้าตัวแทนจำหน่ายต่าง ๆ ช่องทางร้านค้าปลีกสมัยใหม่ และจัดจำหน่ายผ่านเครือข่ายร้านค้าของบริษัท และส่งออกไปจำหน่ายในหลายประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ บริษัทยังดำเนินธุรกิจการให้บริการนิคมอุตสาหกรรมในอำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี

SCGD มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วหลังเสนอขายหุ้น 16,500 ล้านบาท มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปและทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดจากผู้ถือหุ้นของ บมจ. เอสซีจี เซรามิกส์ (COTTO) ด้วยวิธีแลกหุ้น IPO ของ SCGD ตามแผนการปรับโครงสร้าง 

โดยเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวนรวม 439.1 ล้านหุ้น มีกำหนดจองซื้อระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน – 13 ธันวาคม 2566 ในราคาเสนอขายสุดท้ายหุ้นละ 11.50 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 5,049.65 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 18,975 ล้านบาท

การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO มาจากการสำรวจความต้องการของผู้ลงทุน (Book Building) ซึ่งเมื่อพิจารณาจากอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio : P/E) เท่ากับ 19.9 เท่า โดยมี บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ

นายนำพล มลิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ SCGD กล่าวว่า SCGD เข้าเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ  นับเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจไปยังตลาดอาเซียนที่มีศักยภาพการเติบโตสูง

เสริมความแข็งแกร่งด้านเงินทุน ประกอบกับฐานการผลิตที่ทันสมัยและประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจกว่า 40 ปี จะเสริมให้บริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

ทั้งนี้ SCGD มีแผนจะนำเงินจากการระดมทุนไปใช้ขยายกำลังการผลิตและขยายช่องทางการจำหน่าย รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการดำเนินงานและด้านพลังงาน เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ (Net Zero Carbon) ในปี 2050 และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการของบริษัท

บริษัทมีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินรวม หลังหักสำรองทุกประเภทตามที่กฎหมายและบริษัทกำหนดไว้ในแต่ละปี รวมทั้งหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล 

ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานและฐานะทางการเงินของบริษัทฯ แผนการลงทุน สภาพตลาด ความจำเป็นและความเหมาะสมอื่นในอนาคต

หลัง IPO จะมีผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้แก่ กลุ่มปูนซิเมนต์ไทย ถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมรวม 73.4% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว



ติดต่อโฆษณา!