15 ธันวาคม 2566
753

ธนาคารโลกชี้ Digital Wallet ดันจีดีพีไทยเพิ่ม 0.5 - 1% แต่ขาดดุลการคลัง 4 - 5%

ธนาคารโลกชี้ Digital Wallet ดันจีดีพีไทยเพิ่ม 0.5 - 1% แต่ขาดดุลการคลัง 4 - 5%

ธนาคารโลก หรือ World Bank เปิดรายงานการติดตามเศรษฐกิจไทยประจำเดือนธันวาคม 2566 ในรายงานฉบับนี้วิเคราะห์ คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวในปี 2567 โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและการส่งออก รวมถึงการบริโภคภาคเอกชนที่แข็งแกร่ง

▪️ การประมาณการโดยไม่นับรวมโครงการแจกเงินดิจิทัลให้ประชาชนคนละ 1 หมื่นบาท 

• เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นจาก 2.5% ใน พ.ศ. 2566 เป็นร้อยละ 3.2 ใน พ.ศ. 2567 โดยมีการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก 

• การส่งออก คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นท่ามกลางการค้าโลกที่ปรับตัวดีขึ้นแม้ว่าเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวก็ตาม 

• การท่องเที่ยวคาดว่าจะกลับสู่ระดับก่อนเกิดการระบาดในช่วงกลางปี พ.ศ. 2568 จากการชะลอตัวของจีน 

▪️ หากมีการดำเนินการโครงการแจกเงินดิจิทัล จะส่งผลต่อเศรษฐกิจอย่างไร

• อาจช่วยเร่งการเติบโตในระยะสั้นศักยภาพการเติบโตในช่วงปีพ.ศ. 2566 – 2573 คาดว่าจะอยู่ที่ 2.7%  ซึ่งลดลงร้อยละ 0.5 เมื่อเทียบกับทศวรรษที่ผ่านมา เนื่องจากประชากรสูงวัยที่มากขึ้นและการเติบโตของผลิตภาพที่ลดลง เป็นแนวโน้มเดียวกันกับภูมิภาค โดยคาดว่าเศษรฐกิจเอเชียแปซิฟิกเติบโตที่ 4.8% ลดลงจาก 10 ปีก่อนหน้าที่ 6.2%

• ดุลบัญชีเดินสะพัดคาดว่าจะแข็งแกร่งขึ้นในปี 2567 คาดว่าจะเกินดุลเพิ่มขึ้นจากประมาณ 0.5% ของ GDP ในปีพ.ศ. 2566 เป็น 2.4% ของ GDP ในปีพ.ศ. 2567 โดยได้ปัจจัยสนับสนุนจากทั้งการค้าด้านสินค้าและบริการและการนำเข้าน้ำมันที่ลดลง คาดว่าจะส่งผลให้ทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นจากระดับปัจจุบันที่ 43% ของ GDP หรือเท่ากับการนำเข้าประมาณ 10 เดือน

• อัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในภูมิภาคที่ 1.1% ในปีพ.ศ. 2567 อันเนื่องมาจากการอุดหนุนด้านพลังงานอย่างต่อเนื่องและราคาพลังงานโลกที่ลดลง อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

• หนี้สาธารณะคาดว่าจะขึ้นสู่จุดสูงสุดที่ร้อยละ 62.8 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จาก Fiscal consolidation ที่ล่าช้ากว่าคาด คาดว่ารัฐบาลจะมีการขาดดุลเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 3.1 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 และต่อเนื่องไปในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 การลงทุนภาครัฐจะสะดุดจากความล่าช้าในการประกาศใช้พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2567 

• โครงการแจกเงินผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัลคนละ 1หมื่นบาทหรือทั้งหมด 5 แสนล้านบาท หรือราวร้อยละ 2.7 ของ GDP คาดว่าเกิดขึ้นในเดือนในเดือน พ.คน. 2567 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 จะผลักดันเศรฐกิจโต 0.5 - 1.0%  ในช่วงระยะเวลา 2 ปี และการขาดดุลทางการคลังอาจเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 4 – 5 ของ GDP ใกล้ระดับเฉลี่ยในช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปีพ.ศ. 2563 – 2565 หนี้สาธารณะอาจสูงถึงร้อยละ 65 – 66 ของ GDP 

• ด้านความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนแรงขึ้น และราคาน้ำมันที่สูงอาจทำให้ประเทศไทยเข้าสู่ภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากประเทศไทยมีการพึ่งพาการนำเข้าพลังงานสูง 

• ความมั่งมั่นต่อพันธสัญญาการเติบโตเศรษฐกิจแบบคาร์บอนต่ำ จะสามารถช่วยสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน ลดการเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม และทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำระดับภูมิภาคในด้านการเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืน

ติดต่อโฆษณา!