01 ธันวาคม 2566
322

Asia Plus คาดหุ้นฟื้นตัวเดือนธ.ค. ดันดัชนีแตะ 1,500 ปลายปี

Asia Plus คาดหุ้นฟื้นตัวเดือนธ.ค. ดันดัชนีแตะ 1,500 ปลายปี
20231201-d-01.jpg


บล.เอเซีย พลัส หรือ ASPS คาดภาพรวมการลงทุนของตลาดหุ้นไทยในช่วงเดือนธ.ค.นี้จะฟื้นตัวดีขึ้น ดัชนีมีโอกาสแตะ 1,500 จุดช่วงปลายปี  จากแรงหนุนกองทุนไทยเพื่อความยั่งยืน (ThaiESG) และเงินทุนต่างประเทศไหลเข้า ช่วยพยุงตลาดหุ้นช่วงที่เหลือของปี 

ในขณะที่บรรยากาศการลงทุนจะดีต่อเนื่องไปถึงปีหน้า จากการสิ้นสุดวัฎจักรดอกเบี้ยขาขึ้น เงินเฟ้อลดลง และกำไรบริษัทจดทะเบียนทำได้ดีขึ้น จึงคาดว่าดัชนีหุ้นไทยในปีหน้าจะปรับขึ้นต่อเนื่อง โดยคาดเป้าหมายดัชนีที่ 1,717 จุด 

ประเด็นความเสี่ยงต่างประเทศเริ่มผ่อนคลายลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว และมีโอกาสทยอยปรับลงตั้งแต่ต้นไตรมาสแรกของปี 2567 รวมถึงความเสี่ยงต่อ Recession ของประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ลดลง อาทิ สหรัฐฯ ยุโรป 

▪️ ความเสี่ยงที่ต้องติดตามมีดังนี้ 

1. ความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ สถานการณ์สงคราม อิสราเอล – ฮามาส เป็นตัวแปรสำคัญ ซึ่งหากมีการขยายวงกว้างไปสู่ความขัดแย้งระหว่างภูมิภาค อาจทำให้ราคาน้ำมันและเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น 

2. ผลกระทบของเอลนีโญที่อาจสร้าง Cost Push Inflation โดยค่าดัชนีชี้วัด ONI ล่าสุดอยู่ที่ 1.5 ซึ่งอยู่ใซนของการเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญมากขึ้นแล้ว (ONI > 0.5) และยังอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี 

3. มูลค่าซื้อขายเบาบางพร้อมกับปริมาณการ Short Sell หุ้นไทยที่ยังสูงอยู่ กดดันตลาดหุ้นผันผวนในช่วงสั้น 

ภาพรวม SET Index ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา (ก.ย. – พ.ย. 66) ปรับตัวลดลงเกิน -10% ซึ่งเป็นการลดลงลึกมาก จนมีระดับ  Pecentile สูงกว่า 90% เมื่อเทียบกับข้อมูลที่มีทั้งหมดใน 48 ปีที่ผ่านมา 


▪️ ASPS เชื่อว่า SET จะฟื้นตัวได้จากหลายปัจจัยดังต่อไปนี้

1. รัฐบาลใหม่ทยอยออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือประชาชนต่อเนื่อง 

2. เศรษฐกิจไทยช่วง 2H66-1H67 เติบโตเป็นขั้นบันได ซึ่งมีตัวเร่งเศรษฐกิจ คือ ภาคการท่องเที่ยว การลงทุนภาครัฐฯ การส่งออก และการบริโภคในประเทศ 

3. EPS Growth 2567 เติบโต Double Digits ที่ประมาณ 12.6% อยู่ที่ 99.8 บาท/หุ้น 

4. ในส่วนของ Fund Flow คาดได้แรงกระตุ้นจากเม็ดเงินลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ทั้งส่วนของ ThaiESG ที่คาดเข้ามาหนุนในช่วงที่เหลือของปีนี้ราว 1- 2 หมื่นล้านบาท และช่วงต้นปีหน้าตลาดหลักทรัพย์จะมีการจัดทำดัชนี SET50FF และ SET100FF ทำให้นักลงทุนสถาบันต้องมีลงทุนในกองทุนใหม่ที่อิงกับดัชนีนี้ 

ในส่วนของ Fund Flow ต่างชาติมีโอกาสไหลเข้ามากขึ้น จากภาวะสิ้นสุดดอกเบี้ยขาขึ้น อาจส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่า ค่าเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าและมีเสถียรภาพมากขึ้น หลังดุลการค้าดีขึ้น 

กลยุทธ์การลงทุนในเดือนธ.ค.แนะนำกระจายการลงทุนในหุ้นพื้นฐานดีในหลากหลาย Sector หุ้นที่น่าสนใจ เช่น  TISCO, WHA, ADVANC, GULF, CPALL, PLANB, BH, PTTGC


ที่มา: https://www.asiaplus.co.th/asps/research_file.php?id=72547&file=1
ติดต่อโฆษณา!