03 ธันวาคม 2566
1,515
มารู้จัก ThaiESG กองทุนลดหย่อนภาษีรูปแบบใหม่
เดือนสุดท้ายของปีมาถึงอีกแล้ว ทำความรู้จักกับกองทุนลดหย่อนภาษีรูปแบบใหม่ “กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน” หรือ Thailand ESG Fund : ThaiESG (TESG) เงื่อนไขการลงทุนเป็นอย่างไร เมื่อเปรียบเทียบกับ SSF และ RMF ไปเริ่มกันเลย
▪️ กองทุน ThaiESG คืออะไร?
ThaiESG หรือ Thailand ESG Fund คือ กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน ซึ่งมีสิทธิพิเศษให้ผู้ลงทุนสามารถนำจำนวนเงินลงทุนมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งเหมือนกับการลงทุนใน RMF, SSF, SSFX หรือ LTF ที่ออกมาก่อนหน้านี้
▪️ กองทุน ThaiESG ลงทุนในอะไรบ้าง?
นโยบายการลงทุนของ ThaiESG กำหนดให้สามารถลงทุนในหุ้นไทยและตราสารหนี้ไทย ที่ให้ความสำคัญในเรื่องความยั่งยืน ตามหลัก ESG ซึ่งประกอบด้วยมิติด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และบรรษัทภิบาล (Governance) อาทิ หุ้นไทยยั่งยืน SET ESG Ratings หรือตราสารหนี้ด้านความยั่งยืน ESG Bond
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้มีการจัดทำดัชนีหุ้นยั่งยืนที่เรียกว่า SET ESG Ratings สำหรับประเมินผลการดำเนินงานด้าน ESG ของบริษัทจดทะเบียนไทย ล่าสุดในปี 2023 มีบริษัทที่ผ่านการคัดเลือก 193 บริษัท แบ่งเป็น
บริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในระดับ AAA มีจำนวนทั้งสิ้น 34 บริษัท
บริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในระดับ AA มีจำนวนทั้งสิ้น 70 บริษัท
บริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในระดับ A มีจำนวนทั้งสิ้น 64 บริษัท
บริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในระดับ BBB มีจำนวนทั้งสิ้น 25 บริษัท
ขณะที่ ESG Bond มีรูปแบบคล้ายกับตราสารหนี้ปกติทั่วไป ต่างกันที่วัตถุประสงค์ของการระดมทุนที่ต้องการนำเงินไปใช้เพื่อดำเนินโครงการต่าง ๆ ภายใต้แนวคิดการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมุ่งตอบโจทย์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) สังคม (Social Bond) และความยั่งยืน (Sustainability Bond)
▪️ ลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่ มีเงื่อนไขอะไรบ้าง
กองทุน ThaiESG ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี และลงทุนสูงสุดได้ไม่เกิน 100,000 บาท โดยไม่มีกำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำ
วงเงินลงทุนของ ThaiESG จะไม่ถูกนับรวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอายุอื่น ๆ ได้แก่ กองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว (SSF), กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF), กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD), กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.), กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน และกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) และเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ ที่ปัจจุบันกำหนดเพดานลดหย่อนภาษีรวมกันได้ไม่เกิน 500,000 บาท
เท่ากับว่าเราจะได้วงเงินลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมจาก ThaiESG ไปเลย 100,000 บาท และเมื่อนับรวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอายุอื่น ๆ ก็จะลดหย่อนได้สูงสุดถึง 600,000 บาท
ระยะเวลาการลงทุน ThaiESG ต้องถือลงทุนเป็นเวลา 8 ปีเต็มนับจากวันที่ซื้อ (นับแบบวันชนวัน ไม่ใช่นับแบบปีปฏิทิน) ซื้อปีไหน ลดหย่อนปีนั้น และไม่บังคับว่าต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี
เช่น ถ้าซื้อ ThaiESG ในวันที่ 25 ธันวาคม 2023 วันที่ครบกำหนด 8 ปี คือวันที่ 25 ธันวาคม 2031 แปลว่าเราจะขายกองทุนโดยไม่ผิดเงื่อนไขได้ในวันรุ่งขึ้น คือวันที่ 26 ธันวาคม 2031
▪️ กองทุน ThaiESG-SSF-RMF เหมือนหรือต่างกันอย่างไร?
ความเหมือนของ ThaiESG กับ SSF และ RMF ถือเป็นกองทุนรวมลดหย่อนภาษีได้เหมือนกัน แต่มีจุดที่แตกต่างกันหลัก ๆ ดังนี้
1.) ระยะเวลาการลงทุน
ThaiESG: ถือลงทุน 8 ปีนับจากวันที่ซื้อ ไม่บังคับซื้อทุกปี
SSF: ถือลงทุน 10 ปีนับจากวันที่ซื้อ ไม่บังคับซื้อทุกปี
RMF: ต้องถือจนถึงอายุ 55 ปี และครบ 5 ปีนับจากวันที่ซื้อ ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปีหรือปีเว้นปี
2.) สินทรัพย์ที่ลงทุนได้
ThaiESG: หุ้นไทยและตราสารหนี้ไทยที่เข้าหลักเกณฑ์ ESG
SSF กับ RMF: ลงทุนได้หลากหลายสินทรัพย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
3.) สิทธิประโยชน์ทางภาษี
ThaiESG: ไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี และไม่เกิน 100,000 บาท
SSF: ไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี และไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณอื่น ๆ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
RMF: ไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี และไม่เกิน 500,000 บาท เมื่อรวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณอื่น ๆ
▪️ กองทุน ThaiESG เหมาะกับใคร เป้าหมายการลงทุนแบบไหนต้องซื้อ
คุณมีเป้าหมายการลงทุนให้เงินเติบโตในระยะยาว
มองเห็นโอกาสเติบโตในหุ้นยั่งยืน และธุรกิจที่ดำเนินงานตามหลัก ESG ในประเทศไทย
ต้องการลดหย่อนภาษีด้วยการลงทุน แต่ไม่อยากซื้อ RMF เพราะใช้เวลานานกว่าจะขายได้ สำหรับคนที่อายุน้อยกว่า 45 ปี และไม่อยากซื้อ SSF เพราะต้องใช้เวลาถือถึง 10 ปี
ต้องการวงเงินลดหย่อนภาษีเพิ่มเติม ซึ่งที่มีอยู่เดิมยังไม่หนำใจ เนื่องจากเป็นคนที่ฐานภาษีสูง เช่น 20% ขึ้นไป หรือลดหย่อนภาษีจากการซื้อ SSF และ RMF จนเต็มสิทธิ์แล้ว
ที่มา : ฟินโนมีนา
▪️ กองทุน ThaiESG คืออะไร?
ThaiESG หรือ Thailand ESG Fund คือ กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน ซึ่งมีสิทธิพิเศษให้ผู้ลงทุนสามารถนำจำนวนเงินลงทุนมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งเหมือนกับการลงทุนใน RMF, SSF, SSFX หรือ LTF ที่ออกมาก่อนหน้านี้
▪️ กองทุน ThaiESG ลงทุนในอะไรบ้าง?
นโยบายการลงทุนของ ThaiESG กำหนดให้สามารถลงทุนในหุ้นไทยและตราสารหนี้ไทย ที่ให้ความสำคัญในเรื่องความยั่งยืน ตามหลัก ESG ซึ่งประกอบด้วยมิติด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และบรรษัทภิบาล (Governance) อาทิ หุ้นไทยยั่งยืน SET ESG Ratings หรือตราสารหนี้ด้านความยั่งยืน ESG Bond
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้มีการจัดทำดัชนีหุ้นยั่งยืนที่เรียกว่า SET ESG Ratings สำหรับประเมินผลการดำเนินงานด้าน ESG ของบริษัทจดทะเบียนไทย ล่าสุดในปี 2023 มีบริษัทที่ผ่านการคัดเลือก 193 บริษัท แบ่งเป็น
บริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในระดับ AAA มีจำนวนทั้งสิ้น 34 บริษัท
บริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในระดับ AA มีจำนวนทั้งสิ้น 70 บริษัท
บริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในระดับ A มีจำนวนทั้งสิ้น 64 บริษัท
บริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในระดับ BBB มีจำนวนทั้งสิ้น 25 บริษัท
ขณะที่ ESG Bond มีรูปแบบคล้ายกับตราสารหนี้ปกติทั่วไป ต่างกันที่วัตถุประสงค์ของการระดมทุนที่ต้องการนำเงินไปใช้เพื่อดำเนินโครงการต่าง ๆ ภายใต้แนวคิดการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมุ่งตอบโจทย์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) สังคม (Social Bond) และความยั่งยืน (Sustainability Bond)
▪️ ลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่ มีเงื่อนไขอะไรบ้าง
กองทุน ThaiESG ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี และลงทุนสูงสุดได้ไม่เกิน 100,000 บาท โดยไม่มีกำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำ
วงเงินลงทุนของ ThaiESG จะไม่ถูกนับรวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอายุอื่น ๆ ได้แก่ กองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว (SSF), กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF), กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD), กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.), กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน และกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) และเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ ที่ปัจจุบันกำหนดเพดานลดหย่อนภาษีรวมกันได้ไม่เกิน 500,000 บาท
เท่ากับว่าเราจะได้วงเงินลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมจาก ThaiESG ไปเลย 100,000 บาท และเมื่อนับรวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอายุอื่น ๆ ก็จะลดหย่อนได้สูงสุดถึง 600,000 บาท
ระยะเวลาการลงทุน ThaiESG ต้องถือลงทุนเป็นเวลา 8 ปีเต็มนับจากวันที่ซื้อ (นับแบบวันชนวัน ไม่ใช่นับแบบปีปฏิทิน) ซื้อปีไหน ลดหย่อนปีนั้น และไม่บังคับว่าต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี
เช่น ถ้าซื้อ ThaiESG ในวันที่ 25 ธันวาคม 2023 วันที่ครบกำหนด 8 ปี คือวันที่ 25 ธันวาคม 2031 แปลว่าเราจะขายกองทุนโดยไม่ผิดเงื่อนไขได้ในวันรุ่งขึ้น คือวันที่ 26 ธันวาคม 2031
▪️ กองทุน ThaiESG-SSF-RMF เหมือนหรือต่างกันอย่างไร?
ความเหมือนของ ThaiESG กับ SSF และ RMF ถือเป็นกองทุนรวมลดหย่อนภาษีได้เหมือนกัน แต่มีจุดที่แตกต่างกันหลัก ๆ ดังนี้
1.) ระยะเวลาการลงทุน
ThaiESG: ถือลงทุน 8 ปีนับจากวันที่ซื้อ ไม่บังคับซื้อทุกปี
SSF: ถือลงทุน 10 ปีนับจากวันที่ซื้อ ไม่บังคับซื้อทุกปี
RMF: ต้องถือจนถึงอายุ 55 ปี และครบ 5 ปีนับจากวันที่ซื้อ ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปีหรือปีเว้นปี
2.) สินทรัพย์ที่ลงทุนได้
ThaiESG: หุ้นไทยและตราสารหนี้ไทยที่เข้าหลักเกณฑ์ ESG
SSF กับ RMF: ลงทุนได้หลากหลายสินทรัพย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
3.) สิทธิประโยชน์ทางภาษี
ThaiESG: ไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี และไม่เกิน 100,000 บาท
SSF: ไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี และไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณอื่น ๆ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
RMF: ไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี และไม่เกิน 500,000 บาท เมื่อรวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณอื่น ๆ
▪️ กองทุน ThaiESG เหมาะกับใคร เป้าหมายการลงทุนแบบไหนต้องซื้อ
คุณมีเป้าหมายการลงทุนให้เงินเติบโตในระยะยาว
มองเห็นโอกาสเติบโตในหุ้นยั่งยืน และธุรกิจที่ดำเนินงานตามหลัก ESG ในประเทศไทย
ต้องการลดหย่อนภาษีด้วยการลงทุน แต่ไม่อยากซื้อ RMF เพราะใช้เวลานานกว่าจะขายได้ สำหรับคนที่อายุน้อยกว่า 45 ปี และไม่อยากซื้อ SSF เพราะต้องใช้เวลาถือถึง 10 ปี
ต้องการวงเงินลดหย่อนภาษีเพิ่มเติม ซึ่งที่มีอยู่เดิมยังไม่หนำใจ เนื่องจากเป็นคนที่ฐานภาษีสูง เช่น 20% ขึ้นไป หรือลดหย่อนภาษีจากการซื้อ SSF และ RMF จนเต็มสิทธิ์แล้ว
ที่มา : ฟินโนมีนา