05 พฤศจิกายน 2566
359

ธนาคารกลางทั่วโลก ลุยซื้อทองคำมากสุดในประวัติศาสตร์ หลังสงครามรุนแรง

ธนาคารกลางทั่วโลก ลุยซื้อทองคำมากสุดในประวัติศาสตร์ หลังสงครามรุนแรง World Gold Council หรือสภาทองคำโลก รายงานธนาคารกลางทั่วโลกซื้อทองคำสูงเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสที่ 3/2023 สูงกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 5 ปีถึง 8% คาดราคาทองคำมีโอกาสยืนเหลือ $2,000 หากสงครามรุนแรงขยายตัวเป็นวงกว้าง และ Fed เริ่มชะลอขึ้นดอกเบี้ย

การซื้อสุทธิทองคำของธนาคารกลางต่างๆ ในไตรมาสนี้นับว่าแข็งแกร่งที่สุดโดยทะยานไปอยู่ที่ 337 ตัน แม้ว่าจะยังไม่ทำลายสถิติของไตรมาสที่ 3 ปี 2565 แต่ดีมานด์ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันสูงถึง 800 ตัน คาดว่าธนาคารกลางแห่ซื้อทองคำต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี 

สาเหตุที่ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำมากขึ้น เป็นผลมาจากความผันผวน และไม่แน่นอนของสถานการณ์โลก โดยเฉพาะสงครามในตะวันออกกลาง ทำให้ธนาคารกลางสะสมทองคำมากขึ้น 

แนวโน้มราคาทองคำในอนาคต จะขึ้นอยู่กับการดำเนินนโยบายของ Fed ต่อราคาทองคำ according to Shaokai Fan หัวหน้าฝ่ายเอเชีย-แปซิฟิก (ไม่รวมประเทศจีน) และหัวหน้าฝ่ายธนาคารกลางระดับโลกของ World Gold Council 

Fan กล่าวว่า การประกาศคงอัตราดอกเบี้ยของ Fed และท่าทีของ Jerome Powell ประธาน Fed ส่งสัญญาณให้ตลาดคาดการณ์ว่า อาจมีการยุติการขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ  แต่ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำในช่วงนี้ คือ สงครามในตะวันออกกลาง ซึ่งผลักดันให้ราคาทองคำสูงขึ้นอย่างฉับพลัน ทะลุ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา 

สำหรับความต้องการทองคำในประเทศไทย พบว่า ในไตรมาสที่ 3/2566 ดีมานด์ในไทย เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งที่ 7% มาอยู่ที่ระดับ 13 ตัน จาก 12 ตัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ความต้องการซื้อส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มทองคำแท่ง และเหรียญทอง ซึ่งเพิ่มขึ้น 10% มาอยู่ที่ระดับ 10.5 ตัน จาก 9.6 ตัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปัจจัยที่หนุนแรงซื้อดังกล่าว มาจากเงินบาทที่อ่อนค่าลง และความไม่แน่นอนทางการเมือง
ด้านความต้องการทองรูปพรรณ ลดลงเล็กน้อยที่ 2% มาอยู่ที่ระดับ 2.5 ตัน จาก 2.54 ตัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากความผันผวนของราคา และการชะลอตัวของความต้องการซื้อของที่มีมูลค่าสูง เพราะผู้บริโภครัดเข็มขัดในการใช้จ่ายมากขึ้น

โดยคนไทยส่วนใหญ่ยังมองว่า การลงทุนในทองคำ ไม่ว่าจะเป็นทองรูปพรรณ หรือทองแท่ง เป็นการลงทุนเพื่อสะสมความมั่งคั่ง โดยผู้ลงทุนทองในไทย มีการติดตามความเคลื่อนไหวของราคาทองคำอยู่เสมอ

Hua Seng Heng มองปัจจัยกระทบต่อราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น มาจากการคาดการณ์ Fed ยุติอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น, เงินดอลลาร์อ่อนค่า,  Bond yields สหรัฐฯ ลงแรง  

ขณะที่นักลงทุนจับตาผู้นำฮิซบอลเลาะห์ประกาศท่าทีต่อสงครามในคืนวันศุกร์ที่ 3 ธ.ค.  ซึ่งบ่งบอกความรุนแรงสงครามในระยะข้างหน้า 

แนวโน้มราคาทองคำคาดว่าปรับขึ้นได้ต่อ เนื่องจากการเข้าร่วมทำสงครามมากขึ้นของกลุ่มต่างๆ ที่สนับสนุนแต่ละฝ่าย รวมทั้งตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯที่จะเป็นตัวชี้นโยบายการเงิน และดอกเบี้ย

Hua Seng Heng คาดว่าราคาทองคำ Gold Spot มีแนวรีบที่ 1,970 ดอลลาร์ และแนวต้านระยะสั้นที่ 2,000 ดอลลาร์ หากสถานการณ์รุนแรงขึ้นก็จะยืนเหนือ 2,000 ดอลลาร์

ที่มา : 

https://www.gold.org/goldhub/research/gold-demand-trends/gold-demand-trends-q3-2023
https://www.huasengheng.com/daily-recap-gold-spot-03-11-2566/
ติดต่อโฆษณา!