Bond Yield สหรัฐฯ พุ่งสูงในรอบ 16 ปี ที่ระดับ 4.80% เงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง

Bond Yield พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับพุ่งสูงขึ้นในรอบ 16 ปี ทั้งในช่วงอายุ 10 ปี และ 30 ปี ซึ่งตลาดมักจะใช้เป็นค่ากลางอ้างอิงในการวัดผลตอบแทนในการลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลก อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้น 11 จุดมาอยู่ที่ 4.793 หลังจากไต่ขึ้นสู่ 4.8% ในช่วงต้นวันอังคาร 

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี เพิ่มขึ้นสูงถึง 4.924% ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2550

นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนพากันเทขายพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังคลายกังวลเกี่ยวกับการปิดหน่วยงานของรัฐบาล หรือ Shutdown

กรรมการของธนาคารการ หรือ Fed ส่งสัญญาณว่า อัตราเงินเฟ้อยังคงสูงเกินไป และคาดว่าคณะกรรมการน่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปและคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงเป็นระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้อัตราเงินเฟ้อกลับคืนสู่เป้าหมาย 2% 

ความไม่แน่นอนของตลาดยังคงอยู่ และไม่ว่าจะ Fed จะมีการดำเนินการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นหรือไม่ ในปีนี้ Fed จะมีการประชุมอีก 2 ครั้ง ระหว่างวันที่ 31 ต.ค. - 1 พ.ย.  และ 12 - 13 ธ.ค. 

FedWatch ของกลุ่ม CME คาดการณ์ล่วงหน้าว่า มีโอกาสเพียง 25.7% ที่จะขึ้นดอกเบี้ยในวันที่ 1 พ.ย. แต่มีความน่าจะเป็นเกือบ 45% ที่ดอกเบี้ยจะขึ้นในเดือน ธ.ค.

การขาดดุลทางการคลังที่สูงอย่างต่อเนื่องของสหรัฐฯ เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ต้นทุนการกู้ยืมสูงขึ้น หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นเกิน 32.3 ล้านล้านดอลลาร์ หนี้เพิ่มขึ้นเกือบ 120% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศทั้งหมด การขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางที่เพิ่มมากขึ้น จะสร้างอุปทานของพันธบัตรมากกว่าอุปสงค์ที่สามารถตอบสนองได้ ซึ่งทำให้ผลตอบแทนต้องกำหนดสูงขึ้นตามลำดับ

ธนาคารแห่งประเทศไทย แจงค่าเงินบาทอ่อนค่าจากปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก ชี้เคลื่อนไหวผันผวนมากขึ้น บาทร่วงแตะ 37 บ./ดอลลาร์ อ่อนค่า 6.75 % ตั้งแต่ต้นปี