12 มีนาคม 2566
688

ต้อนรับการท่องเที่ยวบูม กระทรวงมหาดไทยเปิดทางนำ “แพ-เต็นท์-กระโจม-บ้านต้นไม้” ทำธุรกิจโรงแรมที่พักได้

ต้อนรับการท่องเที่ยวบูม กระทรวงมหาดไทยเปิดทางนำ “แพ-เต็นท์-กระโจม-บ้านต้นไม้” ทำธุรกิจโรงแรมที่พักได้
Highlight

กระทรวงมหาดไทยปรับปรุงกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลโรงแรมที่พัก ทั้งการขยายประเภทอาคารที่พักเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว รวมทั้งให้นำอาคารที่มีลักษณะเป็นแพ และอาคารที่มีลักษณะพิเศษ เช่น เต็นท์ กระโจม ตู้คอนเทนเนอร์ แพที่อยู่ตามเขื่อนต่างๆ บ้านต้นไม้ เต็นท์แบบเป่าลม เป็นต้น มาประกอบธุรกิจโรงแรมได้ โดยเน้นการบริการที่มีคุณภาพได้มาตรฐานและความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว รวมทั้งเป็นการส่งเสริมรายได้ชุมชนและอนุรักษ์เรื่องราวประวัติศาสตร์เก่าแก่ของท้องถิ่นให้คงอยู่


กระทรวงมหาดไทย อยู่ระหว่างการปรับปรุงกฎหมาย 2 ฉบับ ที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลโรงแรมที่พัก ทั้งการขยายประเภทอาคารที่พักเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว รวมทั้งให้นำอาคารที่มีลักษณะเป็นแพ และอาคารที่มีลักษณะพิเศษ เช่น เต็นท์ กระโจม ตู้คอนเทนเนอร์ แพที่อยู่ตามเขื่อนต่างๆ บ้านต้นไม้ เต็นท์แบบเป่าลม เป็นต้น มาประกอบธุรกิจโรงแรมได้

  • น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่าความคืบหน้าของการปรับปรุงกฎหมายทั้ง 2 ฉบับนั้น ล่าสุด ได้ผ่านการอนุมัติหลักการจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปแล้ว เหลือขั้นตอนการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป

  • สำหรับกฎหมายฉบับแรก เป็นกฎกระทรวงกำหนดประเภทและหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจโรงแรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ซึ่งได้แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงฯ ฉบับปี 2551 โดยกำหนดให้สถานที่พักที่มีจำนวนห้องพักในอาคารเดียวกัน หรือหลายอาคารรวมกันไม่เกิน 8 ห้อง และมีจำนวนผู้พักรวมกันทั้งหมดไม่เกิน 30 คน เมื่อได้แจ้งให้นายทะเบียนทราบและนายทะเบียนได้ออกหนังสือรับแจ้งแล้ว สามารถเป็นสถานที่พักที่ไม่เป็นโรงแรมตามพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. 2547 ได้

  • โดยส่วนนี้ เป็นการขยายจากเดิมที่อนุญาตเฉพาะสถานที่ที่มีห้องพักรวมกันไม่เกิน 4 ห้อง และมีผู้พักรวมกันไม่เกิน 20 คน และเพิ่มเติมให้หนังสือรับแจ้งมีอายุ 5 ปี ให้สอดคล้องกับใบอนุญาตธุรกิจโรงแรมที่มีอายุ 5 ปี เช่นกัน เพื่อให้มีการตรวจมาตรฐานต่างๆ ก่อนต่อใบอนุญาตอย่างต่อเนื่อง

  • สำหรับการขยายประเภทอาคารให้ใหญ่ขึ้นเพื่อส่งเสริมให้มีการนำอาคารที่มีเอกลักษณ์ทรงคุณค่าในแต่ละท้องถิ่นมาทำธุรกิจได้มากขึ้น เป็นการอนุรักษ์อาคารเก่าแก่ของชุมชนให้คงอยู่ เกิดความคิดสร้างสรรค์ผ่านการเชื่อมโยงเรื่องราวของท้องถิ่นกับที่พัก ซึ่งในเมืองรองหลายแห่ง มีทั้งอาคารเก่าแก่และมีเรื่องราวประวัติศาสตร์ท้องถิ่นอยู่จำนวนมาก ที่สามารถนำมาถ่ายทอดเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับชุมชนได้

  • นอกจากนี้ กฎกระทรวงฯ ได้เพิ่มเติมการอนุญาตให้นำอาคารที่มีลักษณะเป็นแพ และอาคารที่มีลักษณะพิเศษ เช่น เต็นท์ กระโจม มาประกอบธุรกิจโรงแรมได้ ซึ่งเป็นการสนับสนุนการใช้ความคิดสร้างสรรค์เข้ามาดึงดูดการท่องเที่ยว แต่ขณะเดียวกัน การให้บริการต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขความปลอดภัยสำหรับผู้พัก เช่น อาคารสำหรับใช้เป็นโรงแรมที่มีลักษณะเป็นแพ ต้องจัดให้มีเครื่องลอยน้ำหรือเสื้อชูชีพ เต็นท์ กระโจม ต้องจัดให้มีแสงสว่างอย่างเพียงพอในห้องพักและบริเวณทางเดิน

  • นอกจากนี้ได้เพิ่มข้อกำหนดกรณีห้องพักที่ให้บริการแบบห้องพักรวมโดยคิดค่าบริการเป็นรายคน (Hostel) ต้องจัดให้มีเลขประจำเตียงกำกับไว้ทุกเตียงเป็นเลขอารบิก เพื่อให้สามารถกำกับดูแลความปลอดภัยของผู้เข้าพักแต่ละราย

  • น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า เพื่อให้สอดคล้องกับการอนุญาตให้นำอาคารที่มีลักษณะพิเศษข้างต้นมาประกอบธุรกิจโรงแรมได้ กระทรวงมหาดไทย ได้ออกกฎหมายฉบับที่ 2 คือ กฎกระทรวงกำหนดลักษณะและระบบความปลอดภัยของอาคารที่ใช้ประกอบธุรกิจโรงแรม พ.ศ. …. โดยกำหนดบทนิยาม “อาคารลักษณะพิเศษ” ที่อนุญาตให้นำมาประกอบธุรกิจโรงแรมได้ ให้สอดคล้องกับปัจจุบันที่นำอาคารที่มีการก่อสร้างอาคารหลากหลายรูปแบบมาเป็นโรงแรม ไม่ว่าจะเป็นบังกะโลชั้นเดียวแบ่งเป็นห้อง ตู้คอนเทนเนอร์ แพที่อยู่ตามเขื่อนต่างๆ บ้านต้นไม้ เต็นท์แบบเป่าลม เป็นต้น

  • พร้อมกับกำหนดให้ผู้ประกอบการที่ใช้อาคารลักษณะพิเศษดังกล่าวประกอบธุรกิจโรงแรม ต้องดำเนินการตามที่กำหนดในส่วนที่เกี่ยวกับโครงสร้างของโรงแรม ระบบป้องกัน และระงับอัคคีภัย ระบบทางหนีไฟ ลักษณะภายในและภายนอกของอาคาร และการนำอาคารลักษณะพิเศษมาใช้ประกอบธุรกิจโรงแรมด้วย เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานของอาคารและความปลอดภัย

  • นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่นวแห่งประเทศไทย(ททท.) กล่าวว่า ในปีนี้ ททท. ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยกำลังพัฒนาแนวคิด Sustainable Tourism Goals (STGs) ซึ่งต่อยอดจาก 17 เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ขององค์การสหประชาชาติ เพื่อเร่ง Shape Supply และยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางที่ High Value และ Sustainable อย่างแท้จริง

  • ในช่วง 2 เดือนแรก นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยแล้ว 4.2 ล้านคน ส่วนสถานการณ์ท่องเที่ยวภาพรวม ยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง มีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวไทยแล้วในวันที่ 1 ม.ค.-28 ก.พ. 66 จำนวน 4.2 ล้านคน สร้างรายได้มากกว่า 1.42 แสนล้านบาท โดยนักท่องเที่ยวชาวยุโรปถือเป็นตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีการใช้จ่ายสูง ภายในปีนี้ได้เดินทางมาเยือนประเทศไทยแล้วกว่า 1.3 ล้านคน

  • “โดยในขณะนี้ ททท. ได้เข้าร่วมงาน ITB Berlin 2023 โดยหวังว่าในครั้งนี้ จะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันกระแสปีท่องเที่ยวไทย ทั้งในตลาดยุโรป และตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วโลก ส่งผลกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวคุณภาพ สนใจเดินทางมาเยือนประเทศไทย และหวังว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะฟื้นตัวกลับมา 80% ของปี 62 หรือมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 25-30 ล้านคน สร้างรายได้รวม 1.5 ล้านล้านบาท ควบคู่ไปกับการเติบโตของการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ เพื่อให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยเติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืน,” นายยุทธศักดิ์ กล่าว


ติดตาม ทันข่าวToday ช่องทางอื่น ๆ

🔺 Website : https://www.thunkhaotoday.com/
🔺 Facebook : https://www.facebook.com/thunkhaotoday
🔺 Line Today : https://bit.ly/3ifSuDr
🔺 ติดต่อโฆษณา : https://line.me/ti/p/9mjGVL4nhC
ติดต่อโฆษณา!