16 ธันวาคม 2565
857

ปตท. ทุ่มงบลงทุนกว่า 1 แสนล้านบาท ในธุรกิจหลักและธุรกิจใหม่กว่า 3 แสนล้านบาท ใน 5 ปีข้างหน้า

ปตท. ทุ่มงบลงทุนกว่า 1 แสนล้านบาท ในธุรกิจหลักและธุรกิจใหม่กว่า 3 แสนล้านบาท ใน 5 ปีข้างหน้า
Highlight

ปตท. จัดเต็มแผนลงทุนในใน 5 ปีข้างหน้ากว่า 4 แสนล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจหลักด้านพลังงานกว่า 1 แสนล้านบาท กับโครงการที่ร่วมลงทุน เช่น โรงแยกก๊าซธรรมชาติ ถังเก็บผลิตภัณฑ์อีเทน สถานีรับจ่ายโครงการท่อส่งก๊าซฯ บางปะกง - โรงไฟฟ้าพระนครใต้ และโครงการท่อส่งก๊าซ โครงการที่ลงทุน 100% เน้นไปที่โครงการลงทุนในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าอย่างครบวงจร โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดฯ ด้านธุรกิจใหม่ มุ่งเน้นธุรกิจพลังงานสะอาดเพื่อไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ อาทิ การลงทุนในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าอย่างครบวงจร

บอร์ด PTT อนุมัติงบลงทุน 5 ปี ( 2566 - 2570) วงเงิน 100,227ล้านบาท ลงทุนธุรกิจหลักเพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงาน และงบลงทุนธุรกิจใหม่ในอนาคตอีก 302,168 ล้านบาท

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT  แจ้งว่าคณะกรรมการ(บอร์ด) ปตท. ในการประชุม ครั้งที่12/2565 เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2565 ได้มีมติอนุมัติงบการลงทุน 5 ปี (ปี 2566-2570) ของ ปตท.และบริษัทที่ ปตท. ถือหุ้นร้อยละ 100 วงเงินรวม 100,227 ล้านบาท

ทั้งนี้ ปตท.มีการลงทุนในธุรกิจหลัก (Core Businesses) เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนของงบการลงทุน 5 ปี ประมาณร้อยละ 55 โดยมีโครงการหลัก อาทิ โรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 7 เพื่อทดแทนโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 1 และโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 8 ซึ่งนำก๊าซธรรมชาติเหลว (“LNG”) มาแยกเป็น ผลิตภัณฑ์อีเทน และแอลพีจี  รวมถึงถังเก็บผลิตภัณฑ์อีเทน และสถานีรับจ่ายเพื่อเพิ่มความสามารถในการนำเข้าผลิตภัณฑ์อีเทน รวมทั้งโครงการท่อส่งก๊าซฯ บางปะกง-โรงไฟฟ้าพระนครใต้ และโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกเส้นที่ 5

ปตท. ยังมีการลงทุนผ่านบริษัทที่ ปตท. ถือหุ้นร้อยละ 100 อาทิ โครงการลงทุนในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าอย่างครบวงจรโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 และโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3

ทุ่มงบลงทุนธุรกิจใหม่ในอนาคตกว่า  3 แสนล้านบาท

นอกจากนี้ ปตท. ยังได้จัดเตรียมงบลงทุนในอนาคต (Provisional Capital Expenditure) ในระยะ 5 ปี ข้างหน้าอีกจำนวน 302,168 ล้านบาท โดยหลักเพื่อการขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่ให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ ปตท. “Powering life with future energy and beyond” ที่มุ่งเน้นธุรกิจพลังงานสะอาดเพื่อไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ อาทิ การลงทุนในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าอย่างครบวงจร

โดยขยายการลงทุนให้ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ ถึงปลายน้ำ การลงทุนในธุรกิจโลจิสติกส์ และโครงสร้างพื้นฐานโดยมุ่งเน้นการเชื่อมโยงระบบเครือข่ายขนส่งทั้งหมดของประเทศ การลงทุนในธุรกิจ Life science (ธุรกิจยา Nutrition และอุปกรณ์ และการวินิจฉัยทางการแพทย์)

ทั้งนี้เพื่อการขับเคลื่อนธุรกิจชีววิทยาศาสตร์ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย และภูมิภาคอาเซียน การลงทุนในด้านพลังงานหมุนเวียนเพื่อให้กลุ่ม ปตท. บรรลุเป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ 12,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2573 ตลอดจนการขยายการลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นพลังงานเปลี่ยนผ่าน (Transition Fuel)

โดยมุ่งเน้นในการขยายโครงข่ายท่อส่งก๊าซธรรมชาติ และการขยายการลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลวอย่างครบวงจร (LNG Value Chain) ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ

สำหรับผลดำเนินงาน "กลุ่ม ปตท." 7 บริษัท มีกำไรสุทธิไตรมาส 3 /65 รวม 1.82 หมื่นล้านบาท ลดลง 62.30% โดยขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันจากค่าการกลั่นลดลง และ อัตราแลกเปลี่ยน รวมกำไร 9 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่ 1.68 แสนล้านบาท ลดลง 9.33%

PTTEP ที่มีกำไรโดดเด่น ไตรมาส 3/2565 กำไรสุทธิ 24,171.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 153% และงวด 9 เดือน มีกำไรสุทธิรวม 55,290.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 96% 

ปตท. มีกำไรสุทธิ 8,884 ล้านบาท ลดลง 14,769 ล้านบาท หรือประมาณ 62.4% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 23,653 ล้านบาท ขณะที่ 9 เดือนแรกปีนี้มีกำไร 73 303 ล้านบาท ลดลง 9.30% จากกำไรจำนวน 80,819 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน

ติดต่อโฆษณา!