11 ตุลาคม 2565
878

สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เปิดพอร์ตการลงทุน ไตรมาส 4/65 เน้นกลุ่มค้าปลีก ธนาคาร ท่องเที่ยว

สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เปิดพอร์ตการลงทุน ไตรมาส 4/65 เน้นกลุ่มค้าปลีก ธนาคาร ท่องเที่ยว
Highlight

การเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยว เป็นโอกาสให้ไทยได้ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ท่ามกลางกระแสเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย หากการท่องเที่ยวไทยกลับมาฟื้นตัวได้ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องน่าจะดีตามไปด้วย นักวิเคราะห์มองตรงกันว่า ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ทั้งโรงแรม สายการบิน สนามบิน ค้าปลีก จะได้ประโยชน์ ในขณะที่กลุ่มธนาคารจะได้ผลตอบแทนจากส่วนต่างดอกเบี้ยสูงขึ้นจากเทรนด์ดอกเบี้ยขาขึ้น



นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เปิดเผยผลการสำรวจความเห็นสมาชิกนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนรวม 25 สำนัก เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนในไตรมาส 4 ปี 2565 สรุปได้ดังนี้

สมมติฐานหลัก มีการปรับลดราคาน้ำมันดิบของปีนี้ จาก 102.36  เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล  98.79 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลและทำให้ต้องลดคาดการณ์ การขยายตัวของ GDP ไทย ปี 2565 จากเดิมที่ 3.18% ลงมาเหลือที่ 3.09% ส่วนสมมติฐาน GDP ปี 2566 นั้นยังมองเป็นบวกที่ 3.86%

สำหรับปัจจัยที่มีผลต่อทิศทางการลงทุนจนถึงสิ้นปี 2565 ปัจจัยบวก ได้แก่ ภาวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ผู้ตอบแบบสำรวจ 96% เทคะแนนให้อย่างชัดเจนว่าเป็นผลบวก รองลงมาผู้ตอบ 92% ผลประกอบการ บจ.ปี65 และ ผลประกอบการ บจ.ปี66 มีผู้ตอบ 80% ตามลำดับ

ส่วนปัจจัยที่จะส่งผลในด้านลบต่อตลาดทุนไทยในขณะนี้จนถึงสิ้นปี 2565  ได้แก่ ปัจจัยด้านเศรษฐกิจโลก ผู้ตอบทั้งหมดเทคะแนนให้อย่างชัดเจนว่าเป็นผลลบ รองลงมาทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐอเมริกา (Fed) และปัจจัยด้านการเมืองในต่างประเทศ มีผู้ตอบเท่ากันที่ 92% ตามมาด้วยการลดหรือยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของประเทศสำคัญทั่วโลก มีผู้ตอบ 84% ตามลำดับ

ด้านการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง.ในไตรมาส 4 ปี 2565 มีนักวิเคราะห์ถึง 56% ที่คาดว่าจะปรับขึ้น 0.25% ส่วนที่เหลือนั้น มี 32% ที่มองว่าปรับขึ้น 0.50% ทั้งนี้มีเพียง 4% ที่มองว่าปรับขึ้น 1.00% หรือมากกว่า และมี 8% ที่มองว่าจะไม่มีการปรับในไตรมาส 4 ปีนี้

ด้านการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. ปี 2566 มีนักวิเคราะห์ถึง 36% ที่คาดว่าจะปรับขึ้น 0.50% ส่วนที่เหลือนั้น มี 24% ที่มองว่าปรับขึ้น 0.75% ผู้ตอบ 16% ที่มองว่าจะปรับขึ้น 1.00% และมี 12% ที่มองว่าปรับขึ้น 0.25% ตามลำดับ ทั้งนี้มีเพียง 4% ที่มองว่าคงที่

ส่วนทางด้านคาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ปี 2565 ของตลาดเฉลี่ยที่ 100.36 บาท เพิ่มขึ้นกว่าผลสำรวจครั้งก่อน ซึ่งอยู่ที่ 94.47 บาทต่อหุ้น และครั้งนี้คาดการณ์  EPS Growth ของปี 2565 อยู่ที่ร้อยละ 13.51%

สำหรับคาดการณ์จุดสูงสุดของ SET Index ช่วง ต.ค. - ธ.ค. 2565 เฉลี่ยที่ระดับ 1,709 จุด ส่วนจุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,585 จุดและเป้าหมายดัชนี ณ วันสิ้นปี 2565 มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 1,685 จุด ซึ่งเพิ่มขึ้น 39 จุดจากระดับคาดการณ์ไว้ครั้งก่อน อยู่ที่ 1,646 จุด

นักวิเคราะห์แนะนำให้กระจายพอร์ตการลงทุน แบ่งเป็น

  • เงินสดและเงินฝากระยะสั้น         57%
  • กองทุนตราสารหนี้                    91%
  • หุ้นไทยหรือกองทุนหุ้นไทย         30%
  • หุ้นหรือกองทุนหุ้นต่างประเทศ    43%
  • กองทุนอสังหาฯหรือ REIT          8.83%
  • ทองคำหรือกองทุนทองคำ96%


สำหรับในส่วนของการลงทุนหุ้นไทยนั้น แนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุน ในหมวดธุรกิจ ค้าปลีก ธนาคาร การท่องเที่ยว ในขณะที่ให้ลดน้ำหนักการลงทุนใน หมวดธุรกิจปิโตรเคมี พลังงานและสาธารณูปโภค รวมถึงชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์

รายชื่อหุ้นที่นักวิเคราะห์แนะนำโดยมีจำนวนสำนักวิเคราะห์แนะนำตรงกันตั้งแต่ 5 สำนักขึ้นไป มีดังนี้ (เรียงชื่อตามอักษรย่อ)

  1. ADVANC ได้ประโยชน์จากความต้องการใช้สื่อสารเพิ่มในช่วงเลือกตั้งหาเสียง ระยะกลางได้แรงหนุนจากการควบรวม 3BB, BJC
  2. AOT มุมมองในระยะสั้น จากตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติหลังไทยยกเลิกระบบ Thailand Pass ตั้งแต่ 1 ก .ค. 65 หนุนให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ราว4 ล้านคน ในเดือน ส.ค. (45% เทียบกับช่วง Pre COVID-19) ส่งผลให้ผลประกอบการ 4Q64/65 ของ AOT มีผลขาดทุนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ QoQ และคาดมีโอกาสกลับมาทำกำไรปกติได้ใน 1-2 ไตรมาสข้างหน้า
  3. BBL มองเป็นธนาคารพาณิชย์ใหญ่ที่ได้เปรียบจากการที่ กนง. ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งที่ 2 ในปีนี้ที่ระดับ25% มาอยู่ที่ 1%
  4. KBANK ปัจจัยสนับสนุนจากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น นอกจากนี้การทำธุรกิจร่วมทุน JK AMC ทำให้ KBANK มี Balance Sheet ที่แข็งแกร่งมากขึ้นนอกจากนี้นักวิเคราะห์ยังได้เพิ่มเติมการแนะนำไปยังรัฐบาล เกี่ยวกับนโยบายที่จะมีผลบวกต่อภาวะเศรษฐกิจ โดยส่วนใหญ่แนะนำความต่อเนื่องนโยบายที่เพิ่มกำลังซื้อแก่ประชาชน เพื่อกระตุ้นการบริโภค ได้แก่ ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอีก ลดภาษีบุคคลธรรมดา


ตามมาด้วย การช่วยเหลือภาคธุรกิจ ได้แก่ สนับสนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ช่วยสภาพคล่องรักษาการจ้างงานSME รวมถึงสนับสนุนกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากราคาพลังงานที่สูงขึ้น และข้อแนะนำสุดท้าย เสนอเร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม

ติดต่อโฆษณา!