18 สิงหาคม 2565
1,110

Fed ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยไม่แรง เงินต่างชาติทะลักเข้าไทย กว่า 3.5 หมื่นล้านในเดือน ส.ค.

Fed ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยไม่แรง เงินต่างชาติทะลักเข้าไทย กว่า 3.5 หมื่นล้านในเดือน ส.ค.

Highlight

หลังจาก Fed ส่งสัญญาณว่าอาจจะชะลอการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยตระหนักว่าเศรษฐกิจของสหรัฐในขณะนี้มีความ เสี่ยงที่จะเผชิญภาวะขาลง หรือ GDP Growth ติดลบต่อ ทำให้ตลาดคาดกว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในรอบหน้าจะลดลง ทำให้นักลงทุนกล้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น และคาดว่า Fund Flow จะไหล เข้ากลุ่มประเทศเกิดใหม่ต่อเนื่อง ตลาดหุ้นไทยก็ได้อานิสงส์ในครั้งนี้เช่นกัน โดยเงินต่างชาติไหลเข้าแล้วกว่า 3.5 หมื่นล้านบาทในเดือนส.ค. และกว่า 1.52 แสนล้านบาทนับจากต้นปี

20220818-a-01.jpg

บริษัทหลักทรัพย์เอเชีย พลัส เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (17 ส.ค.) ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงราว 0.5%-1.6% หลังจากรายงานการประชุม Fed Minutes ระบุว่า กรรมการธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) มีความมุ่งมั่นที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงที่สุด เท่าที่จําเป็น จนกว่าจะสามารถควบคุมเงินเฟ้อได้

 

พร้อมกันนี้ Fed ส่งสัญญาณว่าอาจจะชะลอการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยตระหนักว่าเศรษฐกิจของสหรัฐในขณะนี้มีความ เสี่ยงที่จะเผชิญภาวะขาลง หรือ GDP Growth ติดลบต่อ

 

นายเจอโรม พาวเวล ประธาน Fed ส่งสัญญาณว่า ธนาคารกลางอาจพิจารณาหยุดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ชั่วคราวหลังการประชุมเดือน ก.ย. เพื่อประเมินผลกระทบของการตึงตัวต่อเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ (ซึ่งปัจจุบันหลายดัชนีเศรษฐกิจสหรัฐ บ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อสหรัฐผ่าน จุดสูงสุดไปแล้ว ทั้งอัตราเงินเฟ้อสหรัฐเดือนล่าสุด +8.5%YoY ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ +9.1%YoY, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) และตัวเลขภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัวลงเช่นกัน)

 

ซึ่งทําให้ตลาดไม่ได้ตอบสนองกับประเด็นดังกล่าวมากนัก สังเกตจากค่าเงินดอลลาร์กับ Bond Yield สหรัฐฯ ที่ไม่ได้ขึ้นแรงอย่างมีนัยสำคัญโดยหากพิจารณา Fed Watch tool จะเห็นได้ว่ามีโอกาสถึง 65% ที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ย 0.5% และ มีโอกาสเพียง 35% ที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมครั้งหน้า

 

สรุป FED MINUTES ส่งสัญญาณชะลอการขึ้นดอกเบี้ย จากหลายตัวเลขเศรษฐกิจของ สหรัฐฯมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ทําให้ค่าเงินดอลลาร์กับ Bond Yield สหรัฐฯ ไม่ได้ดีดตัวแรง ถือเป็นโอกาสที่จะเห็นค่าเงินบาทแข็งค่าต่อ ลุ้น Flow ไหลเข้าตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง

 

อย่างไรก็ตาม บรรดาคณะกรรมการฯ ได้แสดงความมุ่งมั่นที่จะลดอัตราเงินเฟ้อให้ได้ตามเป้าที่ระดับ 2% โดยในส่วนของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย คณะกรรมการฯ ไม่ได้ส่งสัญญาณตัวเลขที่ชัดเจนว่าจะปรับขึ้นไปในอัตราเท่าใด ระบุเพียงว่าจะพิจารณาข้อมูลอย่างใกล้ชิดก่อนตัดสินใจ แต่เชื่อว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไปเดือนกันยายนจะยังดำเนินต่อไปในระดับที่ใกล้เคียงกัน

 

 20220818-a-02.jpg

ต่างชาติถือหุ้นไทย ต่ำกว่าปกติ FLOW เข้าต่อ

 

สถานะการถือครองหุ้นของต่างชาติ สิ้นเดือน ก.ค.65 พบว่ามีส่วนที่ปิดโอนฯ 21.54% สูงขึ้นเล็กน้อยจากช่วงต้นปี แต่ก็ยังอยู่ในฐานท่ีต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่อยู่บริเวณ 26.2% ขณะที่การถือผ่าน NVDR ลงมาอยู่ที่ 5.65% เทียบกับในอดีตท่ีอยู่ ช่วง 7-8%

 

ด้วยสถานะดังกล่าว ประกอบกับปัจจัยแวดล้อมที่ เศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงฟื้นตัวเงินบาทที่กลับมาแข็งค่า กําไรบริษัทจดทะเบียนที่ทํา All Time High เชื่อว่ายังจะเห็นการไหลเข้าของ Fund Flow จากต่างชาติเข้ามาต่อเนื่อง

 

สัดส่วนการถือครองต่างชาติ + NVDR ยังต่ำ คาดทยอยฟื้นตามลําดับ ในปีนี้ต่างชาติทยอยเข้ามาสะสมหุ้นไทยต่อเนื่อง และหากพิจารณาสัดส่วนการถือครองหุ้น ไทยของต่างชาติ ณ สิ้นเดือน ก.ค. 65 พบว่า สัดส่วนต่างชาติถือครองหุ้นไทยทางตรง เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 21.54% เช่นเดียวกับการถือครองผ่าน NVDR เพิ่มขึ้นเป็น 5.65%

 

และหาก รวมทั้ง 2 ส่วนตอนนี้ ต่างชาติถือหุ้นไทยในสัดส่วน 27.19% ยังมีช่องว่างให้เติมเต็มไปสู่ ค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 32% แสดงให้เห็นว่าต่างชาติยังถือครองหุ้นไทยในสัดส่วนที่ต่ำเมื่อเทียบกับในอดีต

 

ฝ่ายวิจัยคาดว่า Fund Flow ยังมีโอกาสไหลเข้าหุ้นไทยต่อทั้งจากการฟื้นตัวของ เศรษฐกิจไทยดีขึ้นตามลําดับ สวนทางกับเศรษฐกิจประเทศพัฒนาแล้วที่เริ่มชะลอ พร้อมกับกําไรบริษัทจดทะเบียนงวด 2Q65 ออกมาดีกว่าคาดมาก จะนําไปสู่การปรับ ประมาณการกําไรขึ้น และเดือนนี้ก็เห็นต่างชาติกลับมาซื้อหุ้นไทยร้อนแรงถึง 3.5 หมื่น ล้านบาท (mtd) จนทําให้มูลค่าซื้อสะสมตั้งแต่ต้นปี ขยับขึ้นไปอยู่ที่ 1.52 แสนล้านบาท

 

ในอีกทางหนึ่งฝ่ายวิจัยเอเชีย พลัส ได้ศึกษาความสัมพันธ์ของระดับกําไร กับ Performance ของราคาหุ้น ในช่วงก่อน Covid-19 ระบาดกับปัจจุบัน พบว่ามีหลายบริษัทท่ีกําไร 2Q65 กลับมาสูงกว่า 2Q62 อย่างมีนัยสําคัญ แต่ราคาหุ้นยังต่ำกว่าช่วง Covid- 19 ระบาดอยู่มาก ซึ่งมีความน่าสนใจ ฟื้นตัวเด่นกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด แต่ ราคายัง Laggard อย่าง RATCH, PYLON, SIRI, CKP, SCC, KBANK, KTB, TPIPL, MAKRO , NWR, CRC, SAT

 

สําหรับกลยุทธ์วันน้ี ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบจํากัด 1625 -1645 จุด หุ้นเด่นมีแนวโน้มกําไรฟื้นตัวได้ดีต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี CRC, CENTEL, TIDLOR เป็น Top pick

 

สำหรับ SET Index น่าจะผันผวนในทิศทางข้ึน แนวรับขยับข้ึนมาอยู่ท่ี 1625 จุด แนวต้น 1645 จุด

 

บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดดัชนีฯ แกว่งกรอบแคบ Flow ยังไหลเข้าตลาดต่อ ขณะที่นักลงทุนรอดูทิศทางการเมือง  ทั้งนี้ตลาดหุ้นไทย ได้แรงหนุนที่สำคัญคือ Fund Flow ตามตลาดในภูมิภาคนี้ จากราคาน้ำมันที่ลดลง (เงินเฟ้อและโอกาส Recession ลดลง) 

 

จีน-ไต้หวัน ยังเป็นตัวแปรที่กังวลอยู่  สหรัฐฯเริ่มมีการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป ขณะที่ความกดดัน และความตึงเครียดยังคงอยู่ในตลาด

 

รายงานการประชุม Fed วานนี้(17 ส.ค.) คณะกรรมการ Fed แต่ละคนมีความเห็นในการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยบางส่วน ขณะที่เงินเฟ้อเริ่มชะลอตัว ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้

 

ราคาสินค้าพลังงานส่วนใหญ่ยังดีอยู่ แต่ราคา Gas ปรับตัวขึ้นต่อ (ล่าสุด 230 ยูโร/เมกะวัตต์) ขณะที่ถ่านหินยังปรับขึ้นเช่นเดียวกัน (ล่าสุด 431 ) เรามองว่าจะมีผลต่อราคาหุ้น BANPU บวกกับวันนี้จะมีข่าวการแถลงการดำเนินงานของธุรกิจ

 

ด้านการเมืองไทย วานนี้(17 ส.ค.) ฝ่ายค้านมีการยื่นต่อรัฐธรรมนูญแล้ว เกี่ยวกับการครบวาระตำแหน่งนายกฯ ซึ่งผลน่าจะออกในวันที่ 23 ส.ค. “ เรามองว่านักลงทุนอาจจะมีการขายทำกำไรในช่วงนี้ ก่อนผลจะออก ถึงแม้ว่าโอกาสยุบสภาจะมีน้อย” บล.ดาโอ ระบุ
ติดต่อโฆษณา!