20 กรกฎาคม 2565
771

5 ความเห็น จากกูรูระดับโลก ทิศทางการลงทุนในครึ่งปีหลัง

5 ความเห็น จากกูรูระดับโลก ทิศทางการลงทุนในครึ่งปีหลัง
Highlight
ท่ามกลางความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย นักลงทุนคาดการณ์ธนาคารกลางสหรัฐและธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกน่าจะเข้มงวดนโยบายการเงินหนักขึ้น เพื่อเบรกความร้อนแรงของเงินเฟ้อที่สูงสุดในรอบหลายทศวรรษ 5 กูรูด้านเศรษฐกิจและการลงทุนโลกฉายภาพทิศทางเศรษฐกิจโลกในมุมมองที่แตกต่างกันบ้างถึงทิศทางเศรษฐกิจโลกในครึ่งปีหลัง โดยหวังว่าเฟดจะปรับมุมมองการขึ้นดอกเบี้ยบ้างหากเศรษฐกิจอ่อนแอลง

จากแนวโน้มครึ่งปีหลัง 2565 ไม่สดใส จากหลายปัจจัยลบ ธนาคารโลกหั่นคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปีนี้โตเพียง 2.9% พร้อมแสดงความกังวลว่าโลกกำลังเข้าสู่ภาวะ “Stagflation” หรือ ช่วงเวลาที่เศรษฐกิจซบเซาท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูง เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1970 ตามรายงานของเอพีและรอยเตอร์

ธนาคารโลก เปิดเผยรายงานทิศทางเศรษฐกิจโลกล่าสุดในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ระบุว่า มีแนวโน้มที่หลายประเทศทั่วโลกกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ อันเนื่องมาจากภาวะการระบาดของโควิด-19 รวมทั้งผลกระทบจากการบุกยูเครนของรัสเซีย

รายงานของเอพี ระบุว่า ธนาคารโลก ปรับลดประมาณการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ มาอยู่ที่ระดับ 2.9% ต่ำกว่าระดับคาดการณ์เมื่อเดือนมกราคม ที่คาดว่าจะเติบโต 4.1%

พร้อมกันนี้ ยังคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะเติบโตได้ที่ระดับ 3% ในปีหน้า และในปี .. 2024 ที่ระดับเงินเฟ้อสูงในหลายประเทศทั่วโลก

สำหรับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทางธนาคารโลก คาดว่าจะเติบโตได้เพียง 2.5% ปีนี้ ลดลงจากระดับ 5.7% เมื่อปีก่อน ส่วนเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร คาดว่า จะเติบโตที่ 2.5% ในปีนี้ เทียบกับระดับการเติบโตที่ 5.4% ในปีก่อน ขณะที่เศรษฐกิจจีนจะโตได้ 4.3% ในปีนี้ ลดลงจากระดับ 8.1% เมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากมาตรการล็อคดาวน์อย่างเข้มงวดตามนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของทางการจีน ที่กดดันเศรษฐกิจในประเทศในชะลอตัว

ด้านเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาและเศรษฐกิจเกิดใหม่ คาดว่าจะเติบโตที่ระดับ 3.4% ลดลงจากระดับ 6.6% เมื่อปีก่อน จากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอจะยังคงดำเนินต่อไปในช่วงทศวรรษนี้ เนื่องจากการลงทุนที่อ่อนแอในหลายพื้นที่ทั่วโลก เมื่อรวมกับภาวะเงินเฟ้อในปัจจุบันที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในรอบหลายทศวรรษ และปัญหาห่วงโซ่อุปทานที่ชะงักงัน สะท้อนว่ายังคงมีความเสี่ยงที่ภาวะเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ในระดับสูงไปอีกนาน

นอกจากนี้กำลังเกิดปัญหาค่าเงินผันผวนและวิกฤตเศรษฐกิจในประเทศเกิดใหม่หลายประเทศ ที่นอกเหนือจากศรีลังกา ทำให้การลงทุนในปีนี้เป็นปีที่ยาก จากหลายปัจจัยลบ ทำให้นักลงทุนจำนวนมากตัดใจขายหุ้นทิ้ง เลือกที่จะถือเงินสดหรือพักเงินไว้กับ ดอลลาร์สหรัฐ

บริษัทหลักทรัพย์ไทยพานิชย์ (SCB Securities) ได้รวบรวมความเห็น ทิศทางการลงทุนจากบรรดากูรูระดับโลก เพื่อเป็นแนวทางสำหรับการตัดสินใจลงทุนในระยะถัดไป

🚩Citi

เศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่งในครึ่งปีหลัง และการเกิดภาวะถดถอยอาจเกิดขึ้นในกลางปี 2023 มีความเป็นไปได้สูงว่าในช่วงนั้น เฟดจะเริ่มกลับมาผ่อนคลายนโยบาย เพื่อช่วยฟื้นเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง ส่วนเงินเฟ้อนั้นจะส่งผลดีกับบริษัทจดทะเบียนมากกว่าเพราะต้นทุนที่ลดลงในระยะถัดไปจะทำให้กำไรดีขึ้น มองเห็น Upside ของตลาดหุ้นสหรัฐอยู่ที่ 8%

🚩Morgan Stanley

กำไรบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐอาจเผชิญกับความเสี่ยงจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าและความไม่ชัดเจนของเศรษฐกิจ โดยมองว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะมี Downside อยู่ประมาณ -10% ในกรณี Soft Landing และจะเพิ่มขึ้นเป็น -22% สำหรับกรณีเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย

🚩Black Rock

ตลาดหุ้นและตราสารหนี้สหรัฐอาจฟื้นตัวช้า เนื่องจากปัจจัยลบทั้งสงคราม ห่วงโซ่อุปทาน และนโยบายการเงินที่ตึงตัว โดยเฟดน่าจะเปลี่ยนมุมมองเมื่อเศรษฐกิจสหรัฐอ่อนแอลงมากกว่านี้ นอกจากนี้ ยังมองไม่เห็นจุดกลับตัวของตลาด จึงเลือก underweight ตลาดหุ้นพัฒนาแล้วและเน้นไปที่ตลาดเครดิตที่ Valuation ดีขึ้นและราคาได้สะท้อนความเสี่ยงดังกล่าวแล้ว

🚩JP Morgan

ตลาดหุ้นสหรัฐยังอยู่ในภาวะตลาดหมี การที่เศรษฐกิจอ่อนแอจะไม่ช่วยทำให้ตลาดฟื้นตัวได้ และมองว่าตลาดตราสารหนี้ดูแย่กว่าตลาดหุ้น เนื่องจากส่วนต่างเครดิตที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยกดดันผลตอบแทนของทั้งหุ้นและบอนด์ โดยเน้นการลงทุนไปที่ส่วนพันธบัตรรัฐบาล

🚩Bank of America

ภาวะเงินเฟ้อสูง และทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นอย่างชัดเจน นักลงทุนลดความเสี่ยงจากตลาดหุ้นไปมากแล้ว ระดับความกลัวสูงที่สุดในรอบ 20 ปี เทียบเท่าปี Sup-prime Mortgage Crisis ในปี 2008 ทำให้ Bank of America ประเมินว่า ตลาดหุ้นไม่น่ามีแรงขายมากนักแล้ว ตอนนี้เงินไหลเข้าไปสู่ ตลาดเงินดอลลาร์สหรัฐน้ำมัน และสินค้าโภคภัณฑ์มากเกินไปแล้ว อาจมีส่วนหนึ่งไหลกลับมาได้ หุ้นโลกอาจใกล้จุดต่ำสุดแล้ว

ที่มา : SCBS, รอยเตอร์, VOA

ติดต่อโฆษณา!