จับกระแส จัดพอร์ตการลงทุนปี 62 กับ DBSv

เมื่อพูดภาพการลงทุนในปี 2561 ที่ผ่านมา ภายในประเทศไทยนั้นอาจไม่เป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดหวังไว้ เนื่องด้วยปัจจัยต่างประเทศที่เป็นตัวกดดัน อย่างเรื่องสงครามการค้า และ กรณี Brexit ซึ่งปัจจัยทั้งสองนั้น นับว่าเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบในเชิงกว้างต่อการลงทุน และ ตลาดหุ้นทั่วโลก แต่อย่างไรก็ตามภาพในปี 2562 ยังคงพอมีความหวังจากประเด็นการเลือกตั้งของประเทศไทยที่ชัดเจนขึ้นรวมถึงภาพรวมของเศรษฐกิจไทยที่ทรงตัว

แต่ปัจจัยที่เกี่ยวข้องในแง่ของการลงทุนยังมีอยู่มาก โดยเฉพาะปัจจัยต่างประเทศที่อาจเข้ามาจำกัดการลงทุน รวมถึงเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทย ปัจจัยเหล่านี้จะมีทิศทางทางอย่างไรต่อไป ภาพการลงทุนของปี 2562 นี้จะเป็นอย่างไร ติดตามบทสัมภาษณ์คุณภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล. ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด


ลุ้นภาพการลงทุนปี 62 สดใส

คุณภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล. ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด  กล่าวว่า ในปี 2562 นี้นับเป็นปีที่ดีพอสมควรของการลงทุน เพราะสองปัจจัยหลักที่เป็นเสมือนตัวช่วยในการลงทุน คือ
1) คลายกังวลเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ลดลงและอาจไม่ได้ปรับขึ้นเยอะตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์
2) มีโอกาสเห็นเงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นไทยแบบค่อยเป็นค่อยไป หลังสหรัฐฯ และจีนมีปัญหาส่งผลให้สภาพเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้มีเงินทุนไหลเข้า Emerging Market ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งที่ได้รับอานิสงค์

นับเป็น 2 ปัจจัยที่ช่วยผลักดันให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงเดือนมกราคม ถึง กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

แนะกระจายการลงทุน เลือกสินทรัพย์ 4 ประเภท

เมื่อพูดถึงทางเลือกการลงทุนที่ดีในช่วงนี้ คือ วิธีการกระจายการลงทุนอย่างเหมาะสมในสินทรัพย์ที่น่าสนใจ ทั้ง
1) เงินสด มีโอกาสได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นจากทิศทางดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นอย่างช้าๆ เพียงแต่เงินฝากและตราสารในตลาดเงินก็ยังเป็นทางเลือกที่ให้ผลตอบแทนค่อนข้างน้อย คือประมาณ 1.5% ต่อปี

2) ตราสารหนี้ อย่างพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้เอกชน ผลตอบแทนของพันธบัตรระยะยาว ดูดีขึ้น เพราะตลาดคลายความกังวลเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยที่รวดเร็วของ FED ลงมา เป็นทางเลือกที่ความเสี่ยงต่ำและทางบล.ดีบีเอส ได้คาดผลตอบแทนเฉลี่ยไว้ที่ประมาณ 2.4% ในปีนี้

3) ทองคำ ยังเป็นทางเลือกที่เหมาะสมในภาวะที่ตลาดมีความผันผวนจากสงครามการค้าและค่าเงิน โดยคาดหวังผลตอบแทนในปีนี้ที่ 4.1%

4) หุ้น ทางเลือกที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทนสูงสุด โดยมองว่าตลาดหุ้นที่น่าสนใจคือสหรัฐและเอเชีย ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นมองเป็นกลาง ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปมีแนวโน้มไม่ค่อยดีนัก คาดหวังว่าจะเห็นผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นปีนี้ที่ 8.5%

เลือกลงทุนตามความเสี่ยงที่เหมาะสม


ทางบริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด มองภาพเศรษฐกิจโดยรวมในปีนี้ ถ้าผู้ลงทุนสามารถรับความเสี่ยงได้สูง อัตราผลตอบแทนที่คาดหวังควรอยู่ราวๆ อย่างน้อย 7% แต่หากมีการบริหารจัดการที่ดีอาจจะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า ส่วนผู้ลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ในระดับกลางผลตอบแทนในระดับ 5% ถือว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสม แต่ถ้าถือเงินสดเกินกว่า 70%ได้รับอัตราผลตอบแทนในระดับ 3% ก็ถือว่าเป็นจุดที่เหมาะสมเช่นกัน

ผู้ที่รับความเสี่ยงได้น้อย อาจมีหุ้นสัก 25% เน้นหนักที่ตลาดเงิน ราว 55% ตราสารหนี้ 17% และทองคำอีก 3% ลักษณะการจัดพอร์ตแบบนี้ จะช่วยสร้างผลตอบแทนตลอดปีได้ประมาณ 3.5%

ผู้ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง อาจมีหุ้นครึ่งหนึ่งของพอร์ต มีตราสารหนี้ราว 30% ที่เหลือเป็นตลาดเงินอีก 12% และทองคำ ซึ่งการกระจายการลงทุนดังกล่าว อาจสร้างผลตอบแทนได้ราว 5.5%

ผู้ที่รับความเสี่ยงได้มาก อาจมีหุ้นได้ถึง 75% ตราสารหนี้ 15% ที่เหลือกระจายการลงทุนไปยังตลาดเงินและทองคำ ซึ่งการลงทุนแบบนี้อาจคาดหวังผลตอบแทนได้ถึง 7.1%

DBSv แนะหุ้นเด่นตามธีม

บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด มองว่าในปี 2562 เป็นปีที่รัฐบาลเริ่มมีการลงทุนเยอะ แนะนำการลงทุนทุนหุ้นที่เหมาะสมควรเกาะธีมการลงทุนเด่นๆ เช่น ธีมเมกะโปรเจคต์ต่างๆ หรือ หุ้นที่ได้รับผลประโยชน์จาก EEC อย่าง กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (STEC CK) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (SCC) กลุ่มนิคมฯ (AMATA WHA) กลุ่มธนาคาร (BBL KBANK) กลุ่มขนส่ง (BEM BTS)

นอกจากนี้ ยังมีธีมการลงทุนที่น่าสนใจเป็นธีมที่มีอัตราการเติบโตที่สูง และเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหม่ในประเทศไทย อย่าง ดิจิตอลและหุ่นยนต์ (ADVANC HANA SVI COM7) รวมถึง ธีมอิเล็กทรอนิกส์ ท่องเที่ยว และสังคมผู้สูงอายุ

ตัวช่วยกระชับพอร์ตจาก DBSv


นอกจากนี้ การลงทุนในปัจจุบันมีตัวช่วยที่หลากหลายจากโบรกเกอร์ต่างๆ มากมาย โดยทางบล. ดีบีเอส วิคเคอร์ส เองก็มีโปรแกรม BrainBOX ที่ช่วยคัดเลือกหุ้นด้วยปัจจัยพื้นฐานและเทคนิค โปรแกรม M Cycle ที่ช่วยวิเคราะห์กราฟเทคนิกว่าหุ้นอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือขาลง หรือโปรแกรม DigiS ที่จะช่วยบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนให้มีประสิทธิภาพ