มุมมองการลงทุน ONE-UGG จาก Baillie Gifford (BG) : BG

สิ่งที่ต้องมีในตอนนี้ไม่ใช่วินัยในการขายหุ้น

สถานการณ์การตกหนักของหุ้นในช่วงนี้ที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการลงทุน ทาง Baillie Gifford ผู้จัดการกองทุน Worldwide Long Term Global Growth Fund ซึ่งเป็นกองทุนหลักของกอง ONE-UGG มีความเห็นอย่างไร

BG ได้เปรียบเทียบสถานการณ์การลงทุนในปัจจุบันว่าเหมือนกับการล่องเรืออยู่กลางทะเลที่มีพายุพัดกระหน่ำ แต่ BG ไม่เคยตัดสินใจหันหัวเรือกลับสู่ชายฝั่งตลอด 3 ทศวรรษที่ผ่านมา เช่นเดียวกับการลงทุน สิ่งที่ต้องมีในตอนนี้ไม่ใช่วินัยในการขายหุ้น แต่คือวินัยการถือลงทุนซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สร้างมูลค่าให้กับลูกค้าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สิ่งที่ BG ทำมีเพียงแค่การตรวจสอบดูว่าธุรกิจที่ถือลงทุนสามารถฝ่าพายุนี้ไปได้หรือไม่ในระยะยาว โดยการที่จะทำเช่นนี้ได้ เราต้องเชื่อว่าเรือของเรานั้น
แข็งแกร่ง กล่าวคือหุ้นในพอร์ตการลงทุนมีปัจจัยพื้นฐานที่ดีทั้ง Top-line และ earnings และมีการลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตมากกว่าการจ่ายปันผลหรือซื้อหุ้นคืน



อย่างไรก็ตามปัจจุบันกองทุนมีหุ้น 15 ตัวในพอร์ตที่ยังไม่มีกำไร

คำถามคือหุ้นพวกนี้จะฝ่ามรสุมนี้ไปได้หรือไม่? คำตอบคือหุ้นในนี้ส่วนใหญ่เป็นเครื่องจักรประสิทธิภาพสูงที่สามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างแท้จริง จึงไม่มีอะไรที่น่ากังวล โดยมีหุ้นเพียง 7 ตัวที่ทั้งกำไรและ กระแสเงินสดติดลบ คือ Coupang, Carvana, Deivery Hero, Bilibli, BeiGene, Beyond Meat แล:Peloton โดยหุ้นที่กองทุนดูจะเริ่มกังวลมีเพียง 2 ตัวหลัง (สัดส่วนรวมกัน 1.8% ของกองทุน) ซึ่งกองทุนได้มีการจับตาพัฒนาของกิจการอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตามในมุมกลับกันหุ้นโดยส่วนใหญ่ (น้ำหนักกว่า 90% ของกองทุน) อยู่ในจุดที่แข็งแกร่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ยกตัวอย่างเช่น Moderna ที่ประสบความสำเร็จกับวัคซีน Covid-19 และมีเงินเพื่อไปลงทุนในเทคโนโลยี mRNA ต่อในการพัฒนาวัดซีนในโรคอื่น ๆ ประกอบกับต้นทุน genome sequencing ที่ลดลง 18% ต่อปีได้ช่วยในการพัฒนาการรักษาโรคใหม่ ๆ ซึ่ง BioNTech รวมถึงผู้ผลิตเครื่องอย่าง Ilumina ก็ได้ประโยชน์เช่นกัน ด้าน ASML  และ NVIDIA ได้รับประโยชน์อย่างเด่นชัดจากการเติบโตของอุตสาหกรรมsemiconductor ขณะที่Tesla ส่งมอบรถยนต์ทำสถิติใหม่และ ทำ margin ได้ดีกว่าค่ายรถยนต์เดิม อีกทั้งการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันส่งผลบวกต่อการการหันมาใช้พลังงานทางเลือกมากขึ้น โดยหุ้นจีน NIO และ CATL ในพอร์ตก็ได้ประโยชน์ด้วย

นอกจากนี้ BG ยังได้เข้าซื้อหุ้นบางตัวที่ราคาลดลงอย่างไม่สมเหตุสมผล Coupang และ Affim โดยกรณี Affim BG เชื่อว่าจะสามารถครองส่วนแบ่งตลาดบัตรเครดิตในสหรัฐฯ ได้ 25% ในทศวรรษข้างหน้า คิดเป็นGMV กว่าล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะทำกำไรได้ 7 พันล้านเหรียญ ในปี 2032 ขณะที่หุ้นใหม่ที่กองทุนเพิ่มเข้ามาในไตรมาสก่อนได้แก่ Roblox แพลตฟอร์มที่จะได้รับประโยชน์จากการมาของ Metaverse, SEA เจ้าตลาด e-commerceในอาเชียน และ LATAM และ Ginkgo Bioworks ที่จะมาปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งใหม่ด้วยชีววิทยา



คำแนะแนะนำจากบลจ.วรรณ

NAV ของ ONE-UGG ที่ระดับประมาณ 25 บาท เป็นจุดที่น่าสนใจอย่างมากในการเข้าลงทุนระยะกลางถึงยาว(3-5 ปี) ตามมุมมองข้างตันของกองทุนหลัก แต่ระยะสั้นอาจจะต้องระมัดระวังความผันผวนจากการใช้นโยบายการเงินตึงตัวของ FED โดยแนะนำให้นักลงทุนระยะสั้นที่รับความเสี่ยงได้สูง กลับเข้าลงทุน ONE UGG บางส่วนเพื่อปิดความเสี่ยงหากตลาดกลับมาเป็นขาขึ้น (Upside Risk) เช่นเดียวกันกับนักลงทุนระ ยะยาว ตรงนี้เป็นโอกาสที่ดีมากที่จะเริ่มทยอยซื้อสะสมกองทุนเพื่อลงทุนตามระยะเวลาที่กองทุนหลักให้ไว้ 5-10 ปี เนื่องจากมองว่ามูลค่าหุ้น
ปัจจุบัน "มีความสมเหตุสมผล" สำหรับโอกาสการเติบโตในระยะยาว ขณะที่นักลงทุนที่มีการลงทุนแบบ DGA อยู่แล้วยังคงแนะนำให้ทำตามวินัยการลงทุนเดิม แต่หากต้องการจับจังหวะการลงทุนเพิ่มเติม แนะนำแบ่งซื้อสะสมหลาย ๆไม้ ในต้นทุนที่แตกต่างกัน