18 กุมภาพันธ์ 2565
2,192

กลุ่มปตท.ฟันกำไรปี 64 กว่า 2.38 แสนล้านบาท จ่ายปันผลรวมกว่า 1.13 แสนล้านบาท

กลุ่มปตท.ฟันกำไรปี 64 กว่า 2.38 แสนล้านบาท  จ่ายปันผลรวมกว่า 1.13 แสนล้านบาท
Highlight

ปตท.ประกาศผลการดำเนินงานปี 2564 มีกำไร 1.08 แสนล้าน เพิ่มขึ้น 186% และเมื่อรวมกำไรทั้งกลุ่ม มีมากถึง 2.38 แสนล้านบาท  และทั้งกลุ่มสามารถจัดสรรเงินปันผลเกือบ 50% ของกำไร หรือเป็นเงินรวมกว่า 1.13 แสนล้านบาท โดยปตท. จ่ายปันผลมากที่สุด 5.7 หมื่นล้านบาท นับเป็นอีกปีหนึ่งที่กลุ่ม ปตท. ทำกำไรได้สูงมาก เนื่องจากราคาน้ำมันและพลังงานที่พุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับความต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว


บริษัท ปทต. จำกัด(มหาชน) ประกาศตัวเลขกำไรปี 2564 มีกำไรสุทธิ 108,363.41 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 3.79 บาท เพิ่มขึ้น 186.94% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีกำไร 37,765.80 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.32 บาท

และเมื่อรวมกับบริษัทในเครือของปตท.ที่ทยอยประกาศผลการดำเนินงานไปก่อนหน้า ทำให้กลุ่มปตท. มีกำไรรวมกัน 238,084.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 252.85% เทียบกับปีก่อนที่มีกำไรรวมกัน 67,475.49 ล้านบาท 

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ปตท. อนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2564 เป็นจำนวน 2.0 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น  57,126 ล้านบาท จากผลประกอบการที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัว  

รวมถึงความสามารถในการรักษาความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจและการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตลอดช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ในปี 2564 กลุ่ม ปตท. ส่งเงินเข้ารัฐกว่า 82,500 ล้านบาท นอกเหนือจากงบประมาณกิจการเพื่อสังคม ปตท. ในปีที่ผ่านมา อีกกว่า 1,646 ล้านบาท 
   
ด้านผลการดำเนินงาน ปตท. และบริษัทย่อยปี 2564 ซึ่งเป็นผลการดำเนินงานที่รวมจากบริษัทในเครือทั้งในและต่างประเทศกว่า 400 แห่ง (ถือหุ้นทางตรง 34 แห่ง และถือหุ้นทางอ้อม 404 แห่ง) 

มีกำไรสุทธิจำนวน 108,363 ล้านบาท หรือคิดเป็น 5% ของยอดขาย โดยหลักจากธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม และธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น จากความต้องการที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก รวมถึงการขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง 

ในขณะที่ปี 2563 ได้รับผลกระทบจากทั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 และสงครามราคาน้ำมันระหว่างรัสเซียและซาอุดิอาระเบีย ทั้งนี้ สัดส่วนกำไร 31% มาจากการดำเนินธุรกิจของ ปตท. และ 69% มาจากผลตอบแทนการลงทุนในบริษัทในกลุ่ม ปตท. ซึ่งดำเนินธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ 

โดยหากแบ่งตามประเภทธุรกิจ มีสัดส่วนมาจากธุรกิจก๊าซธรรมชาติและธุรกิจการค้าระหว่างประเทศของ ปตท. 31% ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม 24% ธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น 21% ธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน และบริษัทย่อยอื่นๆ 16% สำหรับกลุ่มธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกมีสัดส่วนเพียง 8% โดยกลุ่มธุรกิจน้ำมันมีกำไรจากการดำเนินงานต่อยอดขายน้ำมันเพียง 2%
   
นอกจากนั้น  ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 กลุ่ม ปตท. ยังช่วยบรรเทาผลกระทบให้กับประชาชนโดยชะลอการปรับราคาขายปลีกน้ำมันถึงแม้ว่าต้นทุนราคาน้ำมันจะเพิ่มขึ้น  

ปตท. ได้ขยายระยะเวลาการคงราคาขายปลีกก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) ที่ 15.59 บาท/กิโลกรัม และราคาขายปลีก NGV ในโครงการ “เอ็นจีวี เพื่อลมหายใจเดียวกัน”  สำหรับผู้ประกอบอาชีพขับขี่รถแท็กซี่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลที่เคยรับสิทธิ์ผ่านเว็บเอ็นจีวีเพื่อลมหายใจเดียวกันที่ 13.62 บาทต่อกิโลกรัม จนถึงวันที่ 15 มีนาคม 2565 

ทั้งนี้ ปตท. ยังสนับสนุนส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม (LPG) แก่ผู้มีรายได้น้อย กลุ่มร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหาร ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวนเงิน 100 บาท/คน/เดือน ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565
   
ปตท. ยังสานต่อโครงการลมหายใจเดียวกัน สนับสนุนระบบสาธารณสุขไทยช่วงสถานการณ์โควิด-19 ร่วมจัดตั้งหน่วยวัคซีนเคลื่อนที่เชิงรุก จนถึงหน่วยคัดกรองโควิด-19 และโรงพยาบาลสนามครบวงจรรวมประมาณ 1,900 ล้านบาท 

นอกจากนี้ ยังดำเนินกิจการเพื่อสังคมในทุกมิติต่อเนื่อง อาทิ โครงการ Restart Thailand จ้างนักศึกษาจบใหม่และผู้ว่างงาน ปี 2564 จำนวน 25,000 อัตรา และปี 2565 จำนวน 23,000 อัตรา  

โครงการนวัตกรรมสร้างรอยยิ้ม ยกระดับการเกษตรควบคู่กับพัฒนาสินค้าชุมชนและช่องทางผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม โครงการพัฒนาการศึกษาเยาวชน PTT Group School Model พัฒนาทักษะเยาวชน เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และสนับสนุนงบประมาณแก่ KVIS และ VISTEC ต่อเนื่อง 

โครงการร้านกาแฟคาเฟ่อเมซอนเพื่อผู้ด้อยโอกาส (Café Amazon for Chance) เพื่อสร้างโอกาสให้กับกลุ่มผู้พิการทางการได้ยิน ผู้บกพร่องทางการเรียนรู้ ผู้สูงวัย และผู้พิการทหารผ่านศึกและครอบครัว การจัดหากาแฟชุมชน โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ การเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเมือง อีกทั้งยังช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนจากภัยพิบัติต่าง ๆ ทั่วประเทศอีกด้วย

 “ปตท. ในฐานะรัฐวิสาหกิจ โดยมีกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่  ยังคงขับเคลื่อนองค์กรในทุกมิติอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานของชาติ สร้างความแข็งแกร่ง และเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจภายใต้ความท้าทายที่เกิดขึ้น เพื่อผลตอบแทนกลับคืนสู่เศรษฐกิจและสังคมไทยต่อไป”  นายอรรถพล กล่าว

สำหรับบริษัทในเครือ ปตท.ที่ประกาศผลประกอบการปี 2564 เรียบร้อยแล้วประกอบด้วย 

โดยบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล หรือ PTTGC มีกำไรก้าวกระโดดมากที่สุดถึง 44,982.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22,436% จากปีก่อน ทีมีกำไรเพียง 199.61 ล้านบาท 

บริษัท ไทยออยล์ หรือ TOP กำไรสุทธิ 12,578 ล้านบาท พลิกจากปีก่อนที่ขาดทุน 3,301ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 480.99%

บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ PTTEP กำไร 38,863.59 ล้านบาท กำไรเพิ่มขึ้น 71.48% จากปีก่อนที่มีกำไร 22,664.01 ล้านบาท 

บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก หรือ OR กำไรสุทธิ 11,474.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.5% จากปีก่อนที่มีกำไรอยู่ที่ 8,791.06 ล้านบาท 

บริษัท ไออาร์พีซี หรือ IRPC กำไร 14,504.62 ล้านบาท หรือกำไรเพิ่มขึ้น 335.78% จากปีก่อนที่ขาดทุน 6,151.70 ล้านบาท

และ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ หรือ GPSC มีกำไร 7,318.57 ล้านบาท กำไรลดลงเล็กน้อย -2.52% จากปีก่อนที่มีกำไร 7,508.12 ล้านบาท 

รวมผลประกอบการกลุ่ม ปตท. ที่มีกำไรกว่า 2.38 แสนล้านบาท และสามารถจ่ายปันผลรวมกว่า 1.13 แสนล้านบาท หรือเกือบครึ่งหนึ่งของกำไรสุทธิ  

โดยที่ตัวบริษัท ปตท.สามารถจัดสรรกำไรงวดปี 64  มาจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นเป็นจำนวนเงินมากที่สุด ในอัตราหุ้นละ 2 บาท รวมเป็นเงิน 57,126 ล้านบาท มีการจ่ายระหว่างกาล งวดครึ่งปีไปแล้ว 1.20 บาท เหลืออีก 0.80 บาท ซึ่งจะขึ้น XD ในวันที่4 มีนาคม 2565 และจะจ่ายเงินในวันที่ 29 เมษายน 2565

รองลงมาคือ PTTEP จ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้น อัตราหุ้นละ 5 บาท รวมเป็นเงิน 19,849 ล้านบาท จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับงวด 6 เดือนแรกไปแล้ว หุ้นละ 2.00 บาท ส่วนที่เหลือของปี 2564 ในอัตราหุ้นละ 3.00 บาท โดยจะจ่ายเงินในวันที่ 18 เม.ย.2565

PTTGC จ่ายปันผลมากเป็นลำดับสามในกลุ่ม หุ้นละ 3.75 บาท คิดเป็นเงินทั้งสิ้น 16,864 ล้านบาท หรือคิดเป็น 37%ของกำไรสุทธิ ซึ่งจ่ายระหว่างกาลไปแล้วหุ้นละ 2 บาท เหลือที่จะจ่ายอีก 1.75 บาท จะขึ้น XD วันที่ 28 ก.พ.65 และจ่ายเงินวันที่ 22 เม.ย.2565

ติดต่อโฆษณา!