15 กุมภาพันธ์ 2565
1,103

นักวิเคราะห์ชี้ 2 ธีมลงทุนวันนี้ น้ำมัน อาจพุ่งแตะ 100 เหรียญ - EV เข้าครม. มาตรการหนุน

นักวิเคราะห์ชี้ 2 ธีมลงทุนวันนี้ น้ำมัน อาจพุ่งแตะ 100 เหรียญ - EV เข้าครม. มาตรการหนุน
Highlight

ราคาน้ำมันทะยานใกล้ 100 เหรียญต่อบาร์เรลเข้ามาทุกที ทำราคาสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตามขึ้นไปตามต้นทุนที่สูงขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ความตึงเครียด รัสเซีย-ยูเครนใกล้ปะทุ บล. โกลเบล็ก (GBS) แนะนำลงทุนในธีมหุ้นน้ำมัน เน้นกลุ่ม ปตท. ในขณะที่ บล.KTBST แนะนำธีม EV ได้ประโยชน์จากมาตรการที่รัฐบาลสนับสนุน เช่น EA  GPSC SAT  AH


ราคาน้ำมันทะยานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางกระแสข่าวรัสเซียจ่อบุกยูเครน โดยนักวิเคราะห์ต่างประเทศคาดกว่าหากมีการโจมตีสู้รบกัน ราคาน้พมันอาจจะทะลุ 100 เหรียญต่อบาร์เรล อาจจะไปถึง 125 เหรียญต่อบาร์เรล 

บริษัทหลักทรัพย์หลักทรัพย์โกลเบล็กประเมินหุ้นไทยผันผวนจากแรงกดดันความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน บวกตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศพุ่งแรงต่อเนื่อง จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีที่ 1,675-1,710 จุด 

แนะกลยุทธ์ลงทุนใน 7 หุ้นเด่นได้ประโยชน์ราคาน้ำมันแพง ได้แก่ PTTEP-PTT-TOP-PTTGC และหุ้นที่ได้อานิสงส์ราคายางพุ่ง ได้แก่ NER-TRUBB-STA

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นว่ามีโอกาสแกว่งตัวผันผวนในลักษณะ Sideway Up โดยยังมีแรงกดดันจากความกังวลว่าสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ใกล้จะเปิดศึกโจมตียูเครน 

ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐเตือนว่ารัสเซียอาจจะเริ่มบุกยูเครนก่อนจีนปิดฉากกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในวันที่ 20 ก.พ.นี้ ซึ่งอาจนำไปสู่การคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันและก๊าซของรัสเซีย ส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตลาดโลกและผู้นำสหรัฐเรียกร้องให้ชาวอเมริกันรีบเดินทางออกจากยูเครน

อีกทั้งการที่สหรัฐรายงานตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปีเป็นตัวเร่งให้ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) พิจารณาขึ้นดอกเบี้ย เห็นได้จาก FedWatch Tool บ่งชี้ว่านักลงทุนให้น้ำหนักมากถึง 88% ที่ FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนมี.ค. จากเดิมที่เคยให้น้ำหนักเพียง 14% และนักลงทุนให้น้ำหนัก 95% ที่ FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 1.00% ภายในเดือนมิ.ย. 

และธนาคารกลางหลายประเทศทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ล่าสุดธนาคารกลางรัสเซียประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1% สู่ระดับ 9.50% สูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2560 สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 6 ปีที่ระดับ 8.1% สูงกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางที่ระดับ 4%

ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศมีจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ยังปรับตัวเร่งขึ้นต่อเนื่อง ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ไม่ฉีดวัคซีน แต่ยังมีข่าวดีอยู่บ้างจากสถิติการฉีดวัคซีนที่มีความคืบหน้า ณ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยไทยฉีดวัคซีนแล้ว 120,009,906 โดส 

ผู้ได้รับวัคซีนเข็ม 1 และ 2 คิดเป็น 79.8% และ 74.4% ตามลำดับ และเด็กกลุ่มอายุ 5-17 ปีเริ่มได้รับวัคซีนที่มี 5 สูตรที่มีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัย จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนี 1,675-1,710 จุด

ส่วนปัจจัยยังคงต้องจับตาต่อเนื่อง อาทิ 15 ก.พ. ญี่ปุ่นเปิดเผยตัวเลข GDP งวด 4Q64 และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค. อียูรายงานตัวเลข GDP งวด 4Q64 (ประมาณการครั้งที่ 2) 

ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนก.พ. สหรัฐรายงานดัชนีภาคการผลิตเดือนก.พ. และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค. 16 ก.พ. จีนเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค.ซึ่งบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ 

ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์ลงทุนในกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น PTTEP, PTT, TOPและ PTTGC รวมทั้งหุ้นที่ได้อานิสงส์จากราคายางที่พุ่งแรงในช่วงไตรมาสแรกหลังความต้องการในตลาดโลก โดยเฉพาะความต้องการในกลุ่มอุตสาหกรรมถุงมือยาง และยานยนต์ มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น ได้แก่ NER, TRUBB และ STA

ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า สัปดาห์นี้ราคาทองคำจะแกว่งตัวผันผวน เนื่องจากมีกำหนดประกาศตัวเลขดัชนีเงินเฟ้อฝั่งผู้ผลิตและยอดค้าปลีกของสหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะสูงกว่าครั้งก่อนหน้า 

เนื่องจากราคาน้ำมันดิบยังคงทรงตัวระดับสูงต่อเนื่อง ทำให้ภาพรวมต้นทุนการผลิตยังคงเร่งตัวขึ้น ขณะที่ช่วงปลายสัปดาห์ประกาศรายงานการประชุม FOMC จากครั้งก่อน

และจับตาคำแถลงของประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์อย่างนาย เจมส์ บลูลาร์ดที่หนุนเฟดให้ปรับขึ้นดอกเบี้ย 1.0% ภายในกรกฎาคมนี้ อาจส่งผลให้ Bond Yield ทรงตัวระดับ 2.0% ต่อไป ฝ่ายวิจัยประเมินว่าราคาทองคำอาจผันผวนในกรอบ 1,830-1,880$/oz หากย่อตัวไม่หลุดแนวรับให้ทยอยเข้าซื้อสะสม

บล.เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) คาดดัชนีฯ มีโอกาส ปรับตัวลดลง สถานการณ์ยูเครนยังกดดันตลาด และตลาดหุ้นไทยหยุดในวันพรุ่งนี้ ความขัดแย้งของยูเครน-รัสเซีย กลายมาเป็นปัจจัยลบต่อตลาด แม้ไม่ได้ดูเป็นลบมากขึ้น เพราะทางรัสเซียเปิดช่องในการเจรจาไว้ 

แต่ทางสหรัฐฯ กดดันรัสเซียมาก จนอาจมีการประกาศ Sanction ขณะที่ตลาดหุ้นไทยจะหยุด 1 วัน บนความเสี่ยงของตลาดระดับนี้ นักลงทุนบางส่วนจะมีการขายหุ้นออกมาในวันนี้

ราคาน้ำมันดิบ Brent เช้านี้ $95 เหรียญ แต่ถ้าเกิดสงครามยูเครน-รัสเซีย อาจทำให้ความต้องการใช้น้ำมันของโลกลดลง หรือแม้กระทั่งถ้าราคาน้ำมันดิบสูงขึ้นแตะ $100 เหรียญ จะไปดันเงินเฟ้อ อาจเกิด stagflation ขึ้นมาได้ เราจึงมองว่า ราคาน้ำมันดิบรอบนี้ ขึ้นได้แต่มีข้อจำกัด (ราคา PTTEP จึงอาจไปไม่ได้ไกลมาก)

20210215-a-01.jpg

วันนี้ การประชุม ครม. อาจจะมีการนำเข้ามาตรการ EV เข้ามาพิจารณา (มีผลต่อผู้ประกอบการ อาทิ EA, GPSC, SAT, AH) และจะพิจารณาในเรื่องลดภาษีน้ำมันดีเซลด้วย (มีผลต่อหุ้น OR, PTG, BCP, ESSO, SPRC)

สำหรับดัชนีฯ น่าจะปิดลบเล็กน้อย ขึ้นกับข่าวของยูเครนมากที่สุด คือ พร้อมขึ้นและลงต่อ คำแนะนำโดยรวม คือ ถ้าวันนี้ ยังไม่มีข่าวใหม่ๆ ในเรื่องนี้เข้ามา เราแนะให้รอตัดสินใจ(ซื้อ/ขาย) หลังจากผ่านวันหยุดนี้ไปแล้ว KTBST ระบุ

ทั้งนี้ ตลาดมีตัวช่วย คือกำไรตลาดที่ยังดี นักลงทุนอาจหันไปสนใจหุ้นที่คาดงบจะออกมาดี หรือมีข่าวหนุน หลักๆ เรายังชอบหุ้นธนาคาร (SCB, KBANK)

ตัวเลขติดเชื้อ Omicron ในไทยยังสูง ยังต้องระวังการลงทุนในหุ้นท่องเที่ยวและธุรกิจการบิน

พอร์ตหุ้นแนะนำของ บล. KTBST แนะนำถือหุ้นทั้งหมดต่อ พอร์ตหุ้นประกอบด้วย SCB(10%), PTTEP(10%), TRUE(10%) MAKRO(10%), SCGP(15%), PTT(15%)

ติดต่อโฆษณา!