11 กุมภาพันธ์ 2565
1,951

เงินเฟ้อสหรัฐฯ พุ่ง 7.5% กดดันตลาดหุ้นโลก คาดเตรียมขึ้นดอกเบี้ย 0.5% เดือน มี.ค

เงินเฟ้อสหรัฐฯ พุ่ง 7.5% กดดันตลาดหุ้นโลก คาดเตรียมขึ้นดอกเบี้ย 0.5% เดือน มี.ค
Highlight

สหรัฐฯรายงานเงินเฟ้อ เมื่อวานนี้ (10 ก.พ.) แตะ 7.5% สูงในรอบ 40 ปี และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ทั่วไปคาดไว้ ส่งผลให้หุ้นไทยในภาคเช้าวันนี้ (11 ก.พ.) เปิดตลาดลดลงทันที 8.29 จุด หรือ 0.49% อยู่ที่ 1,694.71 จุด เมื่อเงินเฟ้อพุ่งต่อเนื่องฉุดไม่อยู่จึงคาดว่า สหรัฐจะใช้ยาแรง ปรับดอกเบี้ยขึ้นรวดเดียว 0.5% ในเดือน มีนาคมนี้ กดดันเงินทุนไหลเข้าตลาดเอเชียในระยะสั้น บล.กรุงศรี แนะนำลงทุนหุ้นแบงก์ ประกันชีวิต เดินเรือ


สหรัฐรายงานเงินเฟ้อพุ่งแตะ 7.5% ทำสถิติสูงสุดในรอบ 40 ปี และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ทั่วไปคาดไว้ ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกและหุ้นไทยปรับตัวลดลงในระยะสั้น และคาดว่า สหรัฐจะใช้มาตรการเข้มข้นสกัดเงินเฟ้อ ด้วยการขึ้นดอกเบี้ยในครั้งเดียว 0.5% โดยปรับขึ้นในเดือนมีนาคม

ทั้งนี้หลังจากการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐล่าสุดเมื่อคืนวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์ร่วง 526(-1.47%) ปิดที่ระดับ 35,242 จุด โดยที่อัตราการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อทั่วไปของสหรัฐพุ่งแตะระดับ 7.5% จาก 7% ในเดือน ธ.ค. และสูงกว่าที่ Consensus คาดไว้ที่ 7.2% นับเป็นการพุ่งทำสถิติสูงสุดในรอบ 40 ปี ปัจจัยนี้ผลักดันให้ US Bond yield พุ่งทะลุระดับ 2% เนื่องจากกังวลว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยแรงขึ้น

โดย CME Group ใช้เครื่องมือที่เรียกว่า FedWatch Tool เพื่อคาดการณ์แนวโน้มที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตพบว่ามีความน่าจะเป็นที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยครั้งเดียว 0.5% ในเดือน มี.ค. เพิ่มขึ้นเป็น 50% จากเดิม 14% และมีความน่าจะเป็นที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ลดลงเหลือ 50% จากเดิม 85%

บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรี วิเคราะห์ว่า เมื่อดอกเบี้ยปรับขึ้นแรง จะส่งผลต่อต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น อาจทำให้กำไรของบริษัทจดทะเบียนลดลง แต่กลุ่มที่ได้ประโยชน์อย่างชัดเจนคือ กลุ่มธนาคาร และ บริษัทประกันชีวิตที่มีพอร์ตลงทุนในตราสารกนี้และเงินฝากสูงสุดนั่นเอง 

หุ้นไทยในภาคเช้าเปิดตลาดลดลงทันที 8.29 จุด หรือ 0.49% อยู่ที่ 1,694.71 จุด
SET Index พักตัวลดความร้อนแรง และกลับมาเล่นรายตัวหรือ Selective buy เฉพาะหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการขึ้นดอกเบี้ย 

การปรับขึ้นของเงินเฟ้อ ส่งผลให้ US bond yield 10 ปีดีดตัวเหนือ 2% และอาจทำให้ ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ต้องเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อยับยั้งเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตามแรงซื้อดักงบการเงินและเงินปันผลปี 2564 รวมถึงศบค.เตรียมผ่อนคลายมาตรการคุมโควิดเพิ่มเติมในภาคบ่ายวันนี้ (11 ก.พ.) จะช่วยให้ดัชนีสลับรีบาวด์ขึ้นได้

กลยุทธ์การลงทุน : Selective Buy

  • กลุ่มได้ประโยชน์ดอกเบี้ยขาขึ้น  BBL KBANK KTB SCB BLA THREL
  • กลุ่มเดินเรือ PSL TTA ค่าระวางเรือฟื้นตัวขึ้น
  • ศบค.เตรียมผ่อนคลายมาตรการ Covid-19 เพิ่มเติม AOT MINT CENTEL ERW AAV HMPRO CPALL CPN CRC
  • หุ้นงบ Q4/21F เติบโต IVL TOP SPRC GULF BANPU TU CPF SPALI ORI WHA AMATA HMPRO CPN CRC BLA  NER ITEL XO ASK UBE FORTH TH SNNP

20210211-a-01.jpg

หุ้นแนะนำวันนี้

  • PSL  ได้ Sentiment บวกดัชนีค่าระวางเรือบวกแรงล่าสุด BDI พุ่งแตะระดับ 1,940 เพิ่มขึ้น 229 จุด หรือ +13.38% และคาดว่าดัชนีค่าระวางเรือจะยังฟื้นตัวต่อเนื่องโดยเฉพาะหลังช่วงการแข่งกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวหรือตั้งแต่เดือนมี.ค.เป็นต้นไป
  • BLA ได้ประโยชน์จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งแตะระดับ 1.95% ทำสถิติสูงสุดในรอบ 2 ปี BLA ได้ 2 ต่อ จากกำไรของเงินลงทุนเพิ่มขึ้น ตั้งสำรองลดลงส่งผลบวกต่อกำไรรวมโดยตรงและมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

บล.กรุงศรี ชี้ว่าปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้าที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลข PPI สหรัฐฯ, CPI และ PPI จีน และการรายงานงบ 4Q ต่อเนื่องของที้งบริษัทในต่างประเทศและบริษัทจดทะเบียนของไทย

นอกจากนี้ในสัปดาห์หน้ากลุ่ม ปตท.ประกาศงบ 4Q21 ออกมาครบทุกบริษัท โดยรวมดีตามทิศทางราคาน้ำมัน (PTTGC 14 ก.พ., OR TOP 15 ก.พ. และ PTT 17 ก.พ.) 

เบื้องต้นคาด PTTGC จะมีผลกำไรอ่อนแอสุดเนื่องจากกำไรมีแนวโน้มหดตัว qoq และ yoy ส่วน TOP, OR มีกำไรสุทธิดีขึ้น qoq แต่ yoy ยังลดลง สุดท้าย PTT คาดว่าจะดีสุดเพราะคาดมีกำไรสุทธิ 2.5 หมื่นล้านบาทเพิ่มขึ้น 9% qoq และ 96%yoy

บล.เอเซีย พลัส หรือ ASPS ประเมินว่า SET Index วันนี้ปรับฐานลง โดยมี Sentiment เชิงลบจากตลาดหุ้นต่างประเทศ กดดันคาดอยู่ในกรอบ 1685 – 1710 จุด พอร์ตจําลองวันนี้ให้ขายทํากําไร BEC แนะนําถือเงินสด 10% ลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ราคาผันผวนต่ำ ADVANC, MAKRO และหุ้นมีเกราะป้องกันดอกเบี้ยขาขึ้น KBANK เป็น Toppicks

20210211-a-02.jpg

ติดต่อโฆษณา!