24 มกราคม 2565
1,607

นักวิเคราะห์คาดกำไรกลุ่มปตท.ปี 64 สูงแตะ 2.19 แสนล้านบาท อานิสงส์ราคาน้ำมันพุ่ง!!

นักวิเคราะห์คาดกำไรกลุ่มปตท.ปี 64 สูงแตะ 2.19 แสนล้านบาท อานิสงส์ราคาน้ำมันพุ่ง!!
Highlight

นักวิเคราะห์คาดกำไรกลุ่มบริษัทปตท.ปี 64 พุ่งแตะ 2.19 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 271% จากปี 63 รับอานิสงส์ราคาน้ำมันปรับขึ้นในปีที่ผ่านมา  หนุนกำไรสต๊อกน้ำมัน สำหรับแนวโน้มกำไรปีนี้ คาดทำได้ 2.17 แสนล้านบาท หลังจากมีการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นและความต้องการก็เพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวทางทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้นักวิเคราะห์คาดว่าไม่น่าจะมีมาตรการล็อกดาวน์เหมือนกับปีที่ผ่านมาแล้ว ขณะที่โควิด-19 น่าจะคลี่คลายและมีวัคซีนป้องกันการแพร่ระบาดครอบคลุมทุกพื้นที่


นายปรินทร์ นิกรกิตติโกศล รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าจากการคาดการณ์ภาพรวมกำไรสุทธิปี 64 ของกลุ่มปตท. (PTT) จำนวน 7 บริษัท คาดจะทำได้ประมาณ 2.19 แสนล้านบาท ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้น 271% หรือมากกว่า 2 เท่าตัว จากปี 63 ที่ทำได้เพียง 5.9 หมื่นล้านบาท

โดยมีปัจจัยหนุนสำคัญมาจากราคาพลังงานในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงต่อเนื่องจนส่งผลให้แต่ละบริษัทมีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน (Stock Gain) และกำไรจากการดำเนินงานที่ฟื้นตัวมากขึ้น รวมถึงเพิ่มจากฐานที่ค่อนข้างต่ำในปีก่อน

ทั้งนี้ บล.หยวนต้า ประเมินแนวโน้มปี 65 กลุ่มปตท. จะสามารถทำกำไรได้ประมาณ 2.17 แสนล้านบาท ลดลงเล็กน้อยราว 1% จากปี 64 (ไม่นับรวมกำไรจากสต๊อกน้ำมัน)  เนื่องจากคาดว่ากำไรจากสต็อกน้ำมันที่มีจำนวนมากในปี 64 จะปรับตัวลดลง หลังจากทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นในระดับสูงมากแล้ว

โดยทั่วไปแล้วเชื่อว่าผลการดำเนินงานปกติในปี 65 จะดีกว่าช่วงปีที่ 64 เนื่องจากแนวโน้มความต้องการการใช้น้ำมันเพิ่มสูงขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว โดยคาดว่าปีนี้ไม่น่าจะมีมาตรการล็อกดาวน์เหมือนกับปีที่ผ่านมาแล้ว รวมถึงสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 น่าจะคลี่คลาย หลังมีการกระจายการฉีดวัคซีนกันมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยหนุนให้ความต้องการพลังงานพลิกกลับมาเป็นบวกได้เพิ่มมากขึ้น นายปรินทร์กล่าว 

ทั้งนี้ บล.หยวนต้าแนะนำให้เพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นโรงกลั่น เนื่องจากคาดว่าจะประกาศงบออกมาดี และจะประกาศจ่ายปันผลที่สูงขึ้นตามไปด้วย รวมถึงได้แรงหนุนจากทิศทางราคาพลังงานในปัจจุบันที่ปรับตัวสูงจะส่งผลดีต่อค่าการกลั่นให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยฝ่ายวิจัยเลือกหุ้นบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เป็น Top Pick ของกลุ่มโรงกลั่น

บล.โนมูระ พัฒนสิน ประมาณการณ์กำไรสุทธิปี 65 ของ PTT ไว้ที่ 1.2 แสนล้านบาท (กลับสู่ระดับก่อนเกิดโควิด-19) เติบโตขึ้น 15% จากปีก่อน โดยมีปัจจัยหนุน จากธุรกิจหลักทุกประเภทฟื้นตัวทั้งหมด โดยเฉพาะ ธุรกิจก๊าซ จะกลับมาฟื้นตัวหลังปิดซ่อมบำรุง ประกอบกับความต้องการใช้ของลูกค้าเพิ่มขึ้น หลังช่วงโควิด-19 ถูกกดดันให้ลดลง
ขณะที่ โรงไฟฟ้า จะมีลูกค้าเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 65 – 68 อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) จะอยู่ในระดับสูง ประกอบกับ ธุรกิจบริษัทลูกที่กำไรปี 65 – 68 จะเติบโตในระดับสูง ธุรกิจโรงกลั่นคาดฟื้นตัวตามค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้น 

ทิศทางราคาน้ำมัน ปี 65 คาดราคาน้ำมันดิบดูไบ อยู่ที่ 67 เหรียญต่อบาร์เรล

ส่วนทิศทางราคาน้ำมันทั้งปี 65 คาดสมมติฐานน้ำมันดิบตลาดดูไบที่ระดับ 67 เหรียญต่อบาร์เรล ใกล้เคียงปีก่อนที่อยู่ระดับ 69 เหรียญต่อบาร์เรล โดยคาดว่าในช่วงไตรมาส 1/65 ตลาดน้ำมันจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง จากสาเหตุของการผลิต (Supply) ที่ยังตึงตัวอยู่ ประกอบกับสถานการณ์โควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลายซึ่งหนุนให้ Demand ฟื้นตัวมากขึ้น

อย่างไรก็ตามคาดว่าตั้งแต่ในช่วงไตรมาส 2/65 เป็นต้นไป กำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกและสหรัฐฯ อาจปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นและสภาวะอากาศที่หนาวน้อยลง ซึ่งอาจกดดันให้ราคาน้ำมันอ่อนตัวลงได้

ติดต่อโฆษณา!