01 พฤศจิกายน 2564
1,571

แนวโน้มหุ้นไทยและหุ้นเด่นน่าลงทุน

แนวโน้มหุ้นไทยและหุ้นเด่นน่าลงทุน
Highlight
สัปดาห์นี้ประเทศไทยเริ่มเปิดเมืองแล้ว น่าจะส่งผลบวกต่อการลงทุนได้บ้าง บรรดาโบรคเกอร์ค่ายต่างๆ จะมองตลาดอย่างไรและมีหุ้นเด่นตัวไหนน่าสนใจบ้าง

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงมีทิศทางเชิงบวก เมื่อทั้ง 3 ดัชนี ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ตามทิศทางผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาแข็งแกร่ง

ด้านตลาดหุ้นไทย วันนี้ เราคาดว่า SET INDEX มีโอกาสฟื้นตัวเล็กน้อย หลังจากปรับตัวลงมาแล้ว 3 วันติดต่อกัน ประกอบกับ มี Sentiment บวก จากการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจาก 63 ประเทศ/ พื้นที่ เดินทางเข้าไทยโดยไม่ต้องกักตัว รวมถึง การยกเลิกเคอร์ฟิวในหลายพื้นที่ น่าจะช่วยให้หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว-Reopening Play-Domestic Play มีสีสันวันนี้

สำหรับวันนี้ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของ SET INDEX บริเวณ 1,615/1,620-1,630 จุด

ส่วนประเด็นสำคัญสัปดาห์นี้ คงหนีไม่พ้นการประชุม Fed ระหว่างวันที่ 2-3 พ.ย. ซึ่งมีการคาดการณ์อยู่แล้วว่า จะมีการประกาศทำ Tapering ในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งต้องติดตามว่า Fed จะลดวงเงินในอัตรามากน้อยเพียงใด ซึ่งจะมีผลต่อเนื่องว่า โครงการ QE จะสิ้นสุดเมื่อใด ซึ่งก่อนหน้านี้ Fed เคยส่งสัญญาณว่า จะมีการ Tapering จนจบโครงการ QE ช่วงกลางปีหน้า

สำหรับหุ้นเด่นวันนี้มี 4 ตัว นำโดย BROOK ราคาหุ้นยังไม่สะท้อนมูลค่าเงินลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น Bitcoin ที่ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 119% YTD และการลงทุนในธุรกิจใหม่ ซึ่งปัจจุบันถือสินทรัพย์ดิจิทัลที่บันทึกตามราคาทุน 1,241 ล้านบาท คิดเป็น 36% ของสินทรัพย์รวม ณ 2Q64 และคิดเป็น 50% ของเงินลงทุนในตราสารการเงิน+สินทรัพย์ดิจิทัล

นอกจากนี้ยังขอมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อลงทุนใน Stable coin และระบบคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มเติม สะท้อนว่า BROOK กำลังให้ความสำคัญกับสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างมาก ซื้อขาย PBV ยังต่ำเพียง 2.3 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 9.8 เท่า

หุ้นเด่นถัดมาคือ ERW ภาพทางเทคนิค แนวต้าน 3.38 บาท แนวรับ 3.24 บาท และ Stop loss หากต่ำกว่า 3.14 บาทหุ้นกลุ่มโรงแรมได้ Sentiment บวกจากการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว 63 ประเทศเริ่มวันนี้ และกรุงเทพฯอนุญาตให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ในร้านอาหาร ช่วยหนุนรายได้กลุ่มโรงแรมให้ฟื้นตัว

หุ้นเด่นอีกตัว KBANK เราประเมินว่ากลุ่มธนาคารจะตอบรับเชิงบวกเนื่องจาก 1.ได้ Sentiment บวกจากการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยว 63 ประเทศเริ่ม 1 พ.ย. 2. Bond Yield มีโอกาสปรับตัวขึ้นหลังทราบผลการประชุมเฟดในวันที่ 3 พ.ย. 3.ปี 2565 มี Upside ของกำไรจากการผันตัวเข้าสู่ธุรกิจ FinTech

ขณะที่การพัฒนาของเทคโนโลยีโลกเสมือน หรือ Metaverse เป็นบวกต่อกลุ่มธนาคารในระยะยาวจากการปรับรูปแบบสาขาให้เป็น Virtual Bank มากขึ้น ช่วยลดต้นทุนการดำเนินงาน และสามารถนำ Digital Platform ที่ลงทุนไว้ปรับให้ทำงานได้ในโลกเสมือน

หุ้นเด่นสุดท้าย ADVANC เราประเมินว่าหุ้นกลุ่มสื่อสารได้ประโยชน์โดยตรงจากโอกาสทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้นตามการพัฒนาของเทคโน โลยีโลกเสมือน หรือ Metaverse ส่งผลบวก ได้แก่ 1.ความต้องการใช้ข้อมูลเพิ่มขึ้นทั้ง Fixed Broadband และ Mobile Data 2. การให้บริการห้างเสมือน หลัง AIS เปิดตัว V-Avenue ทดลองให้บริการแล้วในช่วงที่ผ่านมา 3.โอกาสในการลดต้นทุนสาขา ADVANC มีความพร้อมสุดในฐานะผู้นำตลาด นอกจากนั้นการได้ GULF เป็นพันธมิตรจะยิ่งเพิ่มความแข็งแกร่งให้บริษัท และการต่อยอดไปยังธุรกิจใหม่ เช่น FinTech ร่วมกับ SCB จะทำให้ตลาดเห็นถึงประโยชน์เชิงเศรษฐกิจจากการมีฐานลูกค้าเป็นจำนวนมาก

บล.เอเซีย พลัส มอง SET Index วันนี้คาดว่าดัชนีเคลื่อนไหว 1,617 -1,630 จุด

หุ้นเด่นวันนี้ ตัวแรกคือ AOT(FV@70.0) น่าจะกลับมาเป็นหุ้นที่ตลาดสนใจอีกครั้งในระยะถัดไปหลังราคาหุ้นปรับตัวลงมาหลายวัน โดยวันที่ 29ต.ค. ศบค.ชุดใหญ่ หารือปรับโซนพื้นที่-เตรียมพร้อมสู่การเปิดประเทศมากขึ้นภายใต้จุดเด่นฐานะการเงินแข็งแกร่งสิ้นสุดงวดบัญชี3Q64 มีเงินสดในมือ 4.7 พันล้านบาท จึงมีศักยภาพอยู่รอดผ่านช่วงวิกฤติ COVID ได้แน่นอน บวกกับ จุดเด่นผูกขาดบริการสนามบินหลัก จึงสามารถคาดหวังการฟื้นตัวได้แน่นอนและเร็วที่สุดในกลุ่มโดยราคาหุ้นปัจจุบันยัง Laggard SET Index อยู่มากถือเป็นโอกาสสะสมในช่วงราคาย่อตัวเช่นปัจจุบัน

หุ้นเด่นอีกตัวคือ CPALL(FV@70.5) คาดกำไรไตรมาส3 ปี 64 อยู่ที่ 2.34 พันล้านบาทแม้ลดลง 41.5%yoy จากผลกระทบล็อคดาวน์กด SSSG ร้านสะดวกซื้อลดลง 10% yoy และต้นทุนดอกเบี้ยซื้อโลตัสแต่น่าจะเป็นจุดต่ำสุดจากที่จะยังเห็นกำไรฟื้นตัว 6.9% QOQ จากการรีไฟแนนซ์เงินกู้ซื้อโลตัสทำให้ดอกเบี้ยจ่ายลดลง

ไตรมาส4xu64 คาดฟื้นตัว QOQ จากกิจกรรมเศรษฐกิจกลับมาการคลายเคอร์ฟิวและเปิดท่องเที่ยวสูงกว่าผลกระทบช่วงรอยต่อปรับโครงสร้างธุรกิจค้าปลีกในกลุ่ม ซึ่งจะมีผลกระทบการซื้อหุ้นซึ่งจะมีผลกระทบการถือหุ้นแม็คโครลดลงแต่จะถูกชดเชยหลังแม็คโครขายหุ้น PO ผลบวกเศรษฐกิจ + การขยายเร่งขึ้นหนุนกำไรปี 2565 ถึง 2566 ฟื้น 65% และ 19% หุ้นยังมีอัพไซด์แนะนำซื้อ

หุ้นเด่นตัวสุดท้าย KBANK (FV@158.00)

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโส บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทย กย. ฟื้นตัว วันนี้คาด SET แกว่ง Sidewaysในกรอบแนวรับ 1,610 จุด และแนวต้าน 1,640 จุด เน้นหุ้นอิงกลุ่มการเปิดประเทศ

โดยหุ้นเด่นวันนี้แนะนำ ASK คาดกำไร 3Q64 ที่ 301 ล้านบาท(+30%YOY,+12%QOQ) จากการเติบโตของสินเชื่อที่แข็งแกร่งและการ
ควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ดี ซึ่งสามารถชดเชยต้นทุนสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นได้ และคาดว่ากำไรของบริษัทจะเติบโต QOQ ทุกไตรมาสถึง 4Q65 ในขณะที่ PEปี65 เทรดเขียง 13 เท่าเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 55 บาท

หุ้นเด่นแนะนำอีกตัวคือ AOT การเดินหน้าเปิดประเทศ 1พ.ย. (วันนี้) และให้นักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงต่ำ 63 ประเทศ ไม่ต้องกักตั๋ว (เพิ่มจากเดิม 46ประเทศ) คาดจะช่วยเพิ่มความนำสนใจในการมาเที่ยวไทย เป็นบวกต่อภาคท่องเที่ยวพื้นตัว และบวก โดยตรงต่อหุ้นสนามบินเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 74 บาท
ติดต่อโฆษณา!