26 ตุลาคม 2564
1,477

5 สิ่งควรเลี่ยง ถ้าไม่อยากเสี่ยงตอนเกษียณ

5 สิ่งควรเลี่ยง ถ้าไม่อยากเสี่ยงตอนเกษียณ
Highlight
พูดถึงวัยเกษียณ หลายคนน่าจะมองเป็นเรื่องไกลตัว โดยเฉพาะน้องๆ ที่เพิ่งเริ่มทำงานเป็น First Jobber แต่เชื่อเถิดว่า คนวัย 30 40 หรือ 50 ต่างก็เคยคิดแบบนี้กันทั้งนั้น พอรู้ตัวอีกที ก็เหลือเวลาสำหรับการเตรียมตัวเกษียณไม่มากแล้ว และสิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างมากอีกอย่างก็คือ เราอาจละเลยจนที่ส่งผลเสียระยะยาวต่อแผนเกษียณของเราก็ได้ ทันข่าว Today หยิบเอา 5 สิ่งที่เราควรเลี่ยง ถ้าไม่อยากลำบากตอนเกษียณมาฝากกัน


1. เอาเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมาใช้ก่อน : เงินทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นแผนการออมเงินที่นำเงินได้จากการทำงานมาทั้งชีวิต รวมกับที่นายจ้างส่งสมทบ ลงทุนในสินทรัพย์สร้างผลตอบแทน กลายมาเป็นเงินก้อนใหญ่ ให้เราได้ใช้จ่ายในชีวิตหลังเกษียณ เงินก้อนนี้จึงไม่ควรถูกแตะต้องก่อนที่จะถูกนำออกมาใช้ตามวัตถุประสงค์ของมัน ซึ่งสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งคือ เมื่อเราเปลี่ยนงานแล้วได้เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่สะสมจากที่ทำงานเก่าออกมา กลับนำเงินก้อนนี้ไปใช้ แทนที่จะโอนไปเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพของที่ทำงานใหม่ หรือลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) กลับกลายเป็นว่าเราสูญเสียช่วงเวลาในการเก็บเงินสำหรับชีวิตเกษียณไปอย่างน่าเสียดาย  สิ่งที่น่าเสียใจอีกอย่างคือ การลดจำนวนเงินส่งเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพราะจะทำให้เราได้เงินก้อนในบั้นปลาย น้อยกว่าที่ควร


2. คิดเรื่องเงินออมสำหรับชีวิตเกษียณช้าเกินไป :
 หลายคนๆ เพิ่งจะมาคิดถึงการเก็บเงินเพื่อชีวิตเกษียณเมื่ออายุขึ้นเลข 4 ย่างเข้าเลข 5 แน่นอว่า ก็ยังไม่สายที่จะเริ่มเก็บเงิน แต่เมื่อเริ่มช้า ก็แปลว่าเราต้องเก็บแต่ละเดือนในจำนวนค่อนข้างมาก ซึ่งก็หมายถึงการต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายอย่างสุดขั้วและมีวินัยการเก็บเงินขั้นสุด ซึ่งค่อนข้างเป็นเรื่องยากเนื่องจากอยู่ในช่วงชีวิตที่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในทุกด้าน แน่นอนว่าถ้าเราจะเริ่มเก็บเงินเกษียณตั้งแต่อายุยังน้อยที่ชีวิตยังไม่มีภาระ ย่อมดีกว่า และยังเป็นการฝึกฝนตนเองสร้างวินัยทางการเงินที่ดีนำไปสู่ความมั่นคงในยามบั้นปลายชีวิต


3. ไม่ทำประกันสุขภาพระยะยาว :
การทำประกันสุขภาพที่คุ้มครองต่อเนื่องไปจนเราอายุมากในวงเงินสูงเพียงพอเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะสุขภาพที่ร่วงโรยในวัยชรานำพาโรคภัยไข้เจ็บที่เราไม่อาจคาดการณ์ได้ การที่เราทำประกันสุขภาพระยะยาวที่มีผลคุ้มครองยาวถึงชีวิตหลังเกษียณ โดยรีบทำและจ่ายเบี้ยประกันให้ครบตอนที่ยังทำงานมีรายได้อยู่นั้น เป็นการลดค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งถ้าเราไปรอทำตอนเกษียณที่ไม่มีรายได้เข้ามาแล้ว ค่าเบี้ยประกันจะกลายเป็นภาระที่ต้องจ่ายด้วยเงินที่เก็บไว้กินไว้ใช้ และการทำประกันสุขภาพตอนอายุมาก ค่าเบี้ยก็แพงกว่า ที่สำคัญประกันอาจไม่ครอบคลุมโรคเรื้อรังหากเรามีอาการหรือประวัติการรักษาแล้วอีกด้วย


4. ไม่ลงทุนอย่างอื่นเลย :
ด้วยอัตราเงินเฟ้อที่ทำให้ค่าเงินที่เรามีอยู่น้อยลงทุกที ด้วยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่น้อยกว่าอัตราเงินเฟ้อ ถ้าเราไม่เอาเงินเก็บมาลงทุนบ้างเลย กว่าจะถึงช่วงเกษียณ ค่าของเงินเก็บที่มีอยู่ก็ลดน้อยถอยลงไปมาก ส่วนคำถามว่าจะลงทุนอะไรดี “หุ้น” เป็นทางเลือกในการลงทุนที่จะทำให้มูลค่าเงินออมชนะเงินเฟ้อได้  เพราะปกติหุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลควรให้สูงกว่าระดับเงินเฟ้อ สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ถ้าเป็นเช่นนั้น หากสนใจควรมองอัตราผลตอบแทนระดับสูงขึ้น เช่น 5% ขึ้นไป อย่างไรก็ดี การลงทุนก็ต้องเลือกหุ้นที่มีความปลอดภัยสูง นั่นคือ หุ้นที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) สูง นอกเหนือจากหุ้นแล้ว ก็ยังมีการลงทุนในทองคำ และอสังหาริมทรัพย์ ที่จะช่วยให้เราชนะเงินเฟ้อได้


5. อย่าทุ่มเงินให้ลูกจนหมด :
 ธรรมชาติของคนฝั่งเอเชียจะค่อนข้างแตกต่างจากทางฝั่งตะวันตก คนเอเชียมีแนวโน้มที่จะทุ่มเททุกอย่างให้ลูกมากกว่า ทั้งข้าวของเครื่องใช้ดีๆ การศึกษาในโรงเรียนที่ดี สังคมที่ดี ซึ่งหากไม่ได้มีการวางแผนการใช้จ่ายให้ดี เงินที่จ่ายออกจากกระเป๋าไปก็หมายถึงเงินที่จะเก็บไว้ใช้ในยามเกษียณร่อยหรอลดน้อยลงไปด้วย และจะกลายเป็นความฝืดเคืองในชีวิตบั้นปลาย ดังนั้น เราควรมีการวางแผนที่ดีในการเก็บเงินสำหรับชีวิตเกษียณของเราก่อน แล้วมามองหาสิ่งที่ดีที่สุดในวงเงินที่เราสามารถจ่ายให้ลูกได้

ติดต่อโฆษณา!