11 กุมภาพันธ์ 2567
2,847

สัญญาณ “โรคเลือด” เร่งรักษาก่อนเสี่ยงต่อชีวิต



โรคเลือด เป็นความผิดปกที่เกิดขึ้นกับเซลล์เม็ดเลือดแดง เซลล์เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือด ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวม และสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย ปกติแล้วร่างกายของเราจะมีเลือดไหลเวียนเพื่อนำออกซิเจนและสารอาหารไปหล่อเลี้ยงระบบต่าง ๆ หากระบบเลือดมีปัญหาก็จะส่งผลต่อร่างกายเป็นอย่างมาก

สำหรับบทความในวันนี้ จะพูดถึงโรคเลือดและภาวะที่เกิดขึ้นในระบบเลือดที่พบบ่อยในคนไทย นั่นก็คือ ภาวะโลหิตจาง และ โรคธาลัสซีเมีย

ภาวะโลหิตจาง คือ ภาวะที่ร่างกายมีเม็ดเลือดแดงน้อยกว่าปกติทำให้ผู้ป่วยมีอาการซีด ถ้าผู้ป่วยมีอาการซีดมากขึ้นอาจจะทำให้เริ่มรู้สึกเวียนหัวและจะเริ่มมีอาการเหนื่อยง่าย


สาเหตุของการเกิดภาวะโลหิตจาง

  • การเป็นโรคธาลัสซีเมีย (เป็นโรคทางพันธุกรรม) 
  • การที่ร่างกายขาดธาตุเหล็ก (กินอาหารที่มีธาตุเหล็กไม่เพียงพอ, เสียเลือดมาก, การมีประจำเดือนมากผิดปกติ, ช่วงการตั้งครรภ์ ฯลฯ)

อาการของผู้ป่วยที่มีภาวะโลหิตจาง

  • ผิวหนังดูซีดหรือเหลืองกว่าปกติ (หน้า, ฝ่ามือ, เปลือกตาด้านใน)
  • ความดันต่ำ หรือ ลดลงผิดปกติ
  • มีอาการวิงเวียนศีรษะเหมือนจะเป็นลม
  • ถ้าในกรณีเด็ก การเติบโตจะช้ากว่า หรือ อาจจะตัวเล็กกว่าเด็กคนอื่น เหนื่อยง่าย
  • ถ้ากรณีผู้ใหญ่ อาจจะมีอาการเหนื่อยง่ายจากปริมาณออกซิเจนในร่างกายไม่เพียงพอ
  • ถ้าผู้ป่วยมีภาวะโลหิตจางแบบเฉียบพลัน โดยมีเม็ดเลือดลดลงอย่างรวดเร็วในระยะเวลาสั้น ๆ อาจจะทำให้เกิดอาการหัวใจวายได้

การรักษาผู้ป่วยที่มีภาวะโลหิตจาง

  • การกินอาหารให้ครบห้าหมู่อย่างพอดีและสมดุล
  • การกินอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น เนื้อสัตว์จำพวกเนื้อแดง (เนื้อวัว, เนื้อหมู, เครื่องใน), ไข่แดง, ผักใบเขียว
  • การกินวิตามินเสริม เช่น ธาตุเหล็ก, โฟลิก 

ธาลัสซีเมีย คือ โรคที่เป็นหนึ่งในสาเหตุของภาวะโลหิตจาง เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของเม็ดเลือดแดงทำให้ผลิตเม็ดเลือดแดงได้น้อยลงและเป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบบ่อยในคนไทย จากสถิติพบว่าคนไทยประมาณ 40 - 50% เป็นพาหะนำโรคธาลัสซีเมีย (ไม่แสดงอาการและอาจจะไม่รู้ตัวว่าเป็นพาหะ)


การตรวจวินิจฉัยโรคธาลัสซีเมีย

  • การตรวจคัดกรอง Screening Test
  • การตรวจชนิดของฮีโมโกลบิน Hemoglobin Typing
  • การตรวจดีเอ็นเอ DNA Analysis
  • การตรวจคัดกรองความผิดปกติทางโครโมโซมของทารกในครรภ์ NIPT

อาการของผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมีย 

อาการธาลัสซีเมียในแต่ละบุคคลนั้นจะแสดงอาการไม่เท่ากันในแต่ละบุคคลขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของพาหะธาลัสซีเมียที่ได้รับการถ่ายทอดทางพันธุกรรม

กลุ่มพาหะธาลัสซีเมียที่ไม่มีอาการ (Asymptomatic/no symptoms) อาจมีอาการ

  • อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า 
  • ไม่มีอาการเลย

กลุ่มผู้ที่มีระดับอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง (Mild to moderate symptoms) ที่อาจต้องรับเลือดเป็นครั้งคราว อาจมีอาการดังนี้

  • เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย
  • ซีดเล็กน้อย
  • เจริญเติบโตช้า
  • หัวใจทำงานหนัก
  • เข้าสู่วัยหนุ่มสาวช้า
  • มีความผิดปกติของกระดูก เช่น โรคกระดูกพรุน
  • มีภาวะม้ามโต

กลุ่มผู้ที่มีระดับอาการรุนแรง (Severe symptoms) ที่จำเป็นต้องได้รับเลือดอย่างสม่ำเสมอ มักมีอาการดังต่อไปนี้

  • เบื่ออาหาร
  • ผิวซีดจางรุนแรง 
  • ตัวเหลือง ตาเหลือง หรือดีซ่าน
  • ปัสสาวะมีสีเข้ม
  • กระดูกเปราะหรือกระดูกแตกหักง่าย
  • หายใจลำบาก
  • มีโครงสร้างกระดูกใบหน้าผิดปกติ เช่น มีกะโหลกศีรษะหนา โหนกแก้มสูง หน้าผากสูง เนื่องจากมีการขยายตัวของไขกระดูก
  • การเสียชีวิตของทารกในครรภ์มารดาหรือหลังคลอดจากภาวะซีด บวมน้ำ และหัวใจวาย

การรักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคธาลัสซีเมีย

  • การรับเลือดเพื่อเพิ่มปริมาณเซลล์เม็ดเลือดแดง และฮีโมโกบินที่มีความสมบูรณ์ ในเด็กเล็กที่เป็นธาลัสซีเมีย แพทย์อาจจะพิจารณาให้เลือดทุก  ๆ 1 - 2 เดือน เพื่อช่วยเรื่องการเจริญเติบโต ช่วยป้องกันการดูดซึมธาตุเหล็กในทางเดินอาหาร ช่วยป้องกันไม่ให้โครงสร้างกระดูกบนใบหน้าผิดรูป รวมถึงช่วยผู้ที่มีอาการอ่อนเพลียมาก 
  • การให้ยาขับธาตุเหล็กสำหรับผู้ป่วนที่รับเลือดเป็นประจำ อาจทำให้มีการสะสมของธาตุเหล็กในปริมาณมากที่อาจทำให้อวัยวะภายในได้รับความเสียหาย โดยแพทย์จะให้ยาขับธาตุเหล็กออกจากร่างกายร่วมในการรักษาเพื่อป้องกันไม่ให้อวัยวะภายในได้รับความเสียหาย
  • การให้กรดโฟลิกเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงใหม่ที่แข็งแรงและมีคุณภาพ
  • การผ่าตัดม้าม แพทย์จะพิจารณาผ่าตัดม้ามในเคสที่ผู้ป่วยเป็นธาลัสซีเมียชนิดรุนแรงที่มีอาการ เช่น ม้ามโต ซีดรุนแรง ต้องการเลือดมาก เม็ดเลือดขาวต่ำ หรือ เกร็ดเลือดต่ำจากภาวะม้ามโต 
  • การปลูกถ่ายไขกระดูกและการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเป็นวิธีการรักษาธาลัสซีเมียเพียงวิธีเดียวในปัจจุบันที่สามารถรักษาโรคให้หายขาดได้ ในการรักษาพบว่ามีการตอบสนองต่อการรักษาที่ดีโดยเฉพาะกับเด็กเล็กที่เป็นธาลัสซีเมียชนิดรุนแรง 

การป้องโรคธาลัสซีเมีย

อย่างที่ทราบกันดีว่า โรคธาลัสซีเมียเป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ดังนั้น ผู้ที่เป็นโรคธาลัสซีเมียหรือเป็นพาหะโรคธาลัสซีเมียสามารถถ่ายทอดยีนที่ผิดปกติสู่ลูกหลานได้ ดังนั้นคุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงเป็นพาหะธาลัสซีเมียควรเข้ารับการตรวจทารกในครรภ์ก่อนคลอด ผู้ที่วางแผนแต่งงานควรเข้ารับการตรวจสุขภาพก่อนแต่งงานหรือการตรวจสุขภาพก่อนการมีบุตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งคู่แต่งงานที่เป็นพาหะธาลัสซีเมีย ผู้ที่เป็นโรคธาลัสซีเมีย หรือมีประวัติบุคคลในครอบครัวเดียวกันเป็นธาลัสซีเมีย เพื่อป้องกันตนเองไม่ให้เป็นพาหะนำโรคธาลัสซีเมียสู่ลูกหลานได้


การรักษาโรคธาลัสซีเมียและภาวะโลหิตจางควรปรึกษาแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านโรคเลือดและระบบเลือด การตรวจสุขภาพประจำสามารถช่วยรักษาและป้องกันโรคได้อย่างเหมาะสม เมื่อพบอาการผิดปกติควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อแก้ไขปัญหาและรักษาอาการได้อย่างทันท่วงที “ด้วยความปรารถนาดี จาก ทันข่าวToday”


รับชมวิดีโอ : https://youtu.be/G7ffjK-5c3A?si=6PNSd4QeaJ4hJxov



ติดต่อโฆษณา!