06 กุมภาพันธ์ 2567
579
ไข้เลือดออกระบาดหนัก เพิ่มขึ้น 1.9 เท่า เดือนเดียวยอดพุ่งกว่า 8,000 คน
![ไข้เลือดออกระบาดหนัก เพิ่มขึ้น 1.9 เท่า เดือนเดียวยอดพุ่งกว่า 8,000 คน](https://www.thunkhaotoday.com/storage/news/up-to-date/2024/02/20240206-c-cover.jpg)
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา พบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกแล้ว 8,197 ราย มากกว่าปี 2566 ที่พบผู้ป่วย 4,286 ราย หรือเพิ่มขึ้นถึง 1.9 เท่า และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกสูงสุดในกลุ่มอายุ 5 - 14 ปี พบมากทางภาคใต้ และภาคกลาง เสียชีวิตแล้ว 13 ราย กระจายใน 11 จังหวัด และเสียชีวิตมากสุดในกลุ่มที่อายุมากกว่า 65 ปี
ขณะนี้ กรมควบคุมโรคได้ให้สถานพยาบาลทุกแห่งจ่าย “ยาทากันยุง” ให้ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในแผนกผู้ป่วยนอก ป้องกันการกระจายเชื้อไข้เลือดออกในตัวผู้ป่วยสู่ชุมชน เพราะผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกหากถูก ยุงลายกัด สามารถส่งต่อเชื้อให้ผู้อื่นได้ นพ.ธงชัย ระบุ
สำหรับครอบครัวผู้ป่วยที่อาศัยอยู่บ้านเดียวกันกับผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก หรืออาศัยอยู่ในละแวกบ้านเดียวกับผู้ป่วยก็ต้องทายากันยุงเช่นกัน เพื่อป้องกันยุงกัด
สำหรับอาการของไข้เลือดออก สังเกตได้นี้ มีไข้สูงลอย ร่วมกับอาการปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา หน้าแดง กระหายน้ำ หรือมีจุดเลือดออกที่ลำตัว แขน ขา
ข้อควรระวังคือ ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง โดยเฉพาะยาลดไข้ในกลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน, ไดโคลฟีแนค, แอสไพริน รวมถึงยาชุด เพราะจะทำให้เลือดออกมากในทางเดินอาหารและยากต่อการรักษา เสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้
นอกจากนี้ หากรับประทานยาลดไข้ หรือเช็ดตัวแล้วไข้ไม่ลด หรือลดแล้วไข้กลับมาสูงอีก ควรรีบพบแพทย์ทันที ซึ่งโรคไข้เลือดออกหากได้รับการรักษาเร็วจะสามารถป้องกันอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้