ห่วงคนรุ่นใหม่ตกงานนาน กลายเป็นเจนเนอเรชั่นล็อกดาวน์ กระทบระยะยาว

ห่วงคนรุ่นใหม่ตกงานนาน กลายเป็นเจนเนอเรชั่นล็อกดาวน์ กระทบระยะยาว
HighLight

หนึ่งในประเด็นที่น่าห่วงมากจากผลกระทบของโควิดในระยะยาว ก็คือแรงงาน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ที่ควรจะต้องเริ่มทำงานหรือหางานในช่วงเวลาแบบนี้ กลับหางานไม่ได้ ต้องว่างงาน หรือต้องยอมทำงานและรับค่าแรงที่ต่ำกว่าความสามารถเพื่อหาเลี้ยงปากท้อง เพราะในระยะยาว อาจกระทบกับโอกาสในการทำงานของคนกลุ่มนี้เป็นอย่างมาก จนมีคำเรียกเด็กรุ่นใหม่ว่าอาจกลายเป็น “เจอเนอเรชั่นล็อกดาวน์” และอาจต้องหายจากตลาดแรงงานไปเลย #ทันข่าวหยิบประเด็นนี้มาเล่าสู่กันฟัง


ผลกระทบของโควิด-19 ต่อแรงงานแค่ไหน ?


ผลการประเมินของ สำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พบว่าการแพร่ระบาดของโควิด ส่งผลให้มีแรงงานถูกเลิกจ้าง แบ่งเป็นแรงงานใน 3 กลุ่มหลัก คือ

1. แรงงานในภาคการท่องเที่ยว ซึ่งบ้านเรามีแรงงานในกลุ่มนี้อยู่กว่า 3.9 ล้านคน (ไม่นับรวมภาคค้าปลีกที่ได้รับผลกระทบทางอ้อมจากการลดลงของนักท่องเที่ยว) ซึ่งแรงงานในภาคการท่องเที่ยวได้ระบผลกระทบมากถึง 2.5 ล้านคน หรือมากกว่าครึ่งหนึ่ง

2. แรงงานในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งมีอยู่กว่า 5.9 ล้านคน ในกลุ่มนี้ ได้รับผลกระทบราว 1.5 ล้านคน

3. แรงงานในภาคบริการอื่นๆ ที่ไม่ใช่ภาคการท่องเที่ยว แต่ก็ได้ระบผลกระทบจากการปิดร้าน หรือมาตรการคุมเข้ม ซึ่งมีแรงงานกว่า 4.4 ล้านคนจากทั้งหมด 10.3 ล้านคน ได้รับผลกระทบ

ซึ่งถ้ารวมตัวเลขทั้งหมดแล้ว พบว่ามีแรงงานกว่า 8.4 ล้านคนที่ได้รับผลกระทบ ทั้งตกงาน โดนลดค่าจ้าง ลดวันทำงาน หรือรูปแบบอื่นๆ ซึ่งถือเป็นจำนวนมหาศาล และตัวเลขทั้งหมดนี้ ก็มีแนวโน้มเพอ่มขึ้นอีกจากการล็อกกาวน์รอบล่าสุด ที่ยังไม่รู้ว่าจะกินเวลาต่อเนื่องยาวนานอีกมากน้อยแค่ไหน


เด็กจบใหม่ปีละกว่า 5 แสนคน เข้าสู่ตลาดแรงงาน


แน่นอนว่า เมื่อตำแหน่งงานน้อยลง คนตกงานมากขึ้น กลุ่มที่ได้ระบผลกระทบมากคือเด็กจบใหม่ ซึ่งในแต่ละปี เรามีเด็กจบใหม่ประมาณ 5 แสนคน เข้าสู่ตลาดแรงงาน ซึ่งกลายเป็นว่าในช่วง 2 ปีนี้ เด็กจบใหม่ นอกจากจะต้องแข่งขันกันเองเพื่อหางานทำแล้ว ยังต้องแข่งกับคนรุ่นก่อนๆ ที่กลายเป็นคนว่างงาน ในภาวะที่ตำแหน่งงานโดยรวมลดลงไปด้วย ซึ่งหากหางานทำไม่ได้เป็นเวลานาน ก็ใีแนวโน้มที่คนกลุ่มนี้จะออกจากตลาดแรงงานไปเลย


ไอแอลโอเป็นห่วง “เจนเนอเรชั่น ล็อกดาวน์”


องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ไอแอลโอ) ระบุว่าการระบาดของโควิด-19 อาจส่งผล กระทบต่อคนรุ่นใหม่ "ไปตลอดชีวิตการทำงาน" เนื่องจาก นับตั้งแต่ภาวะโควิด เกิดขึ้น คนในช่วงอายุ 15-24 ปี ถูกเลิกจ้างงานเป็นจำนวนมากในหลายประเทศท่ัวโลกและเป็นกลุ่มประชากรที่ตกงานมากกว่าคนในวัยอื่น ๆ ด้วย

ถ้าดูกันที่ตัวเลข ก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 ท่ัวโลกมีคนรุ่นใหม่ท่ีอายุต่ำกว่า 25 ปีได้รับการ จ้างงานอยู่ราว 178 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานนอกระบบที่ไม่มีหลักประกันหากถูกเลิกจ้าง โดย 4 ใน 10 ของ แรงงานในวัยนี้ทำงานอยู่ในกิจการ 4 ประเภทที่จัดว่าได้รับผลกระทบมากท่ีสุดจากการระบาดของโควิด-19 ได้แก่ กิจการค้าส่ง-ค้าปลีก ซ่อมรถยนต์และมอเตอร์ไซค์, โรงงาน, อสังหาริมทรัพย์และการบริหารธุรกิจ, กิจการที่พักอาศัย และร้านอาหาร 

ไอแอลโอเรียกคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเรียนจบและกำลังเร่ิมต้นการทำงานในช่วงที่เกิดการระบาดของโควิด-19 ว่า "คนรุ่นล็อกดาวน์" (lockdown generation) ซึ่งหากไม่ได้รับการดูแลและสนับสนุนจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง คนรุ่นนี้ อาจกลายเป็น "รุ่นที่สาบสูญ" ไปจากตลาดแรงงานอย่างถาวร


SCG แนะนำ ทางเลือกเดียวของแรงงานคือ พัฒนาทักษะฝีมือ


เครือปูนซีเมนต์ไทยหรือ SCG ให้คำแนะนำกับแรงงาน ในทุกกลุ่มอายุว่า โควิด-19 ไม่ได้เปลี่ยนแปลงโลกการทำงานเพียงชั่วครู่ชั่วยาม ประเภทงานที่ถูกกระทบมากจากโควิด-19 คือ งานที่ให้บริการลูกค้าในพื้นที่ เช่น งานขายในร้านค้า งานต้อนรับ เป็นต้น ทำให้แรงงานจำเป็นต้องเปลี่ยนอาชีพหรือตำแหน่งงาน 

การเปลี่ยนงานไปสู่ตำแหน่งงานที่มีทักษะระดับใกล้เคียงกันเป็นเรื่องไม่ยากนัก เช่น ปลี่ยนจากพนักงานกรอกข้อมูลไปเป็นแคชเชียร์ จากพนักงานเสิร์ฟไปค้าขาย แต่ข่าวร้ายคือตำแหน่งงานหรืออาชีพที่มีทักษะใกล้เคียงกันเหล่านี้ กำลังถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยี อย่างอาชีพแคชเชียร์ ก็มีความต้องการลดน้อยลงเพราะผู้บริโภคหันไปซื้อของออนไลน์และไม่มีแนวโน้มจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแม้โควิด-19 จะหายไปก็ตาม 

ดังนั้น การเปลี่ยนอาชีพจึงยากขึ้นในยุคโควิด-19 และหลังจากยุคโควิด-19 ด้วย เพราะงานที่มีเหลือให้แรงงานทำเป็นงาน ‘ทักษะต่ำ’ หรือไม่ก็ ‘ทักษะสูง’ ซึ่งถ้าหากเราไม่พัฒนาทักษะ เพื่อไปทำงานด้วยทักษะที่สูงขึ้น ก็อาจจะต้องลดระดับลงไปทำงานที่แทบไม่ต้องใช้ทักษะ และได้รับค่าจ้างต่ำมากเป็นต้น

ซึ่งแน่นอนว่าการพัฒนาทักษะอาชีพ รัฐบาลควรต้องเข้ามามีบทบาทในเรื่องการกำหนดแนวทางด้วย

ติดต่อโฆษณา!