ศบค. ขยายล็อคดาวน์ ถึง 31 ส.ค. 64 ผ่อนปรนธนาคารในห้างเปิดได้ คงมาตรการเข้มในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุด 29 จังหวัด

ศบค. ขยายล็อคดาวน์ ถึง 31 ส.ค. 64  ผ่อนปรนธนาคารในห้างเปิดได้ คงมาตรการเข้มในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุด 29 จังหวัด
HighLight

การติดเชื้อโควิด-19 ยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงข่าวภายหลังการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ มีมติให้ขยายเวลาการล็อคดาวน์ จาก 19-31 สค. 64 และคงมาตรการควบคุมการระบาดในพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัด
พร้อมผ่อนปรนการเปิดธนาคารและสถาบันการเงินในห้าง เพิ่มการตรวจด้วย ATK ให้ประชาชนเข้าถึงได้ในราคาถูก


นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงข่าวภายหลังการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ถึงการปรับมาตรการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 เมื่อ 16 สิงหาคม ที่ผ่านมา โดยมีมติให้คงระดับพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักรและตามมาตรการเดิมที่จะครบกำหนดการประเมินในวันที่ 18 สิงหาคม 2564 ไปจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2564

อย่างไรก็ดีที่ประชุม ศบค. มีมติเห็นชอบปรับมาตรการในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด (สีแดงเข้ม) โดยให้เปิดกิจการธนาคาร/สถาบันการเงินในห้างสรรพสินค้าได้ ส่วนธุรกิจสื่อสารและเครื่องใช้ไฟฟ้ายังไม่อนุญาต

นอกจากนี้ยังมีมติเห็นชอบให้ประชาชน องค์กร สถานประกอบการ สามารถตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยตัวเองได้ โดยรัฐสนับสนุนให้มีการใช้อย่างทั่วถึง และเน้นย้ำให้ประชาชนใช้การป้องกันตนเองของประชาชนในทุกกรณี (Universal Prevention Prevention)

มีมาตรการเพิ่มการตรวจค้นหาผู้ติดเชื้อโดยใช้ ATK ใน กทม. และปริมณฑลเตรียมทีม CCRT ให้เพียงพอ และจัดระบบการนำเข้าสู่ Home Isolation (HI) Community Isolation (CI) หรือ รพ.

สำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) เน้น Work Form Home ต่อเนื่อง และพนักงานของภาครัฐ เอกชน ที่จำเป็นต้องมาปฏิบัติงาน ให้มีการคัดกรองด้วย ATK ทุกสัปดาห์ เพื่อให้มีความพร้อมก่อนการคลายล็อกดาวน์

เตรียม Company Isolation สำหรับหน่วยงานที่มีพนักงานเกิน 50 คน และเตรียมความพร้อมของงานบุคลากร ในการติดตามการคัดกรองด้วย ATK และลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ HI-CI รวมทั้งกำกับติดตาม DMHTTA

โรงงาน สถานประกอบการที่มีพนักงานเกิน 100 คน พิจารณาดำเนินการ Bubble and Seal เต็มรูปแบบ

ตลาด (ค้าส่ง ขนาดใหญ่) ให้คัดกรอง ATK ผู้ค้า แรงงาน ทุกสัปดาห์ และสุ่มตรวจผู้มาใช้บริการเป็นระยะ รวมทั้งกำกับมาตรการ DMHTTA

สำหรับมาตรการลดการเสียชีวิต   เร่งรัดการฉีดวัคซีน ให้ความครอบคลุมของวัคซีน กลุ่ม 608 (ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป, ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป) อย่างน้อย 80% ใน กทม. อย่างน้อย 70% ใน 12 จังหวัด และอย่างน้อย 50% ในพื้นที่อื่น

เพิ่มอัตราการหมุนเวียนการรับผู้ป่วยสีเหลือง สีแดง เพื่อลด backlog ผู้ป่วยอาการหนักใน รพ./รพ.สนาม และไม่ให้ค้างในชุมชน ควรต้องมีระบบรองรับที่มีประสิทธิภาพ

เร่งจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์สำหรับผู้ป่วยสีเขียว ทั้งในระบบ HI และ CI
ประชาชน องค์กร สถานประกอบการ สามารถตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยตัวเองได้ โดยรัฐควรสนับสนุนให้มีการใช้โดยไม่เป็นภาระประชาชน เช่น จำหน่ายราคาถูก จัดหาได้ง่าย

มีระบบการดูแลรักษารองรับเมื่อตรวจพบเชื้อ และเน้นย้ำให้ประชาชนป้องกันตนเองทุกกรณี และสื่อสารให้ทุกคนปฏิบัติตามหลักการ Universal Prevention

หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแนวทางการดำเนินงานให้สอดคล้องกับข้อกำหนดเดิมที่มีอยู่ต่อไป รวมทั้งพิจารณาร่วมจัดทำ Thai Covid Pass ให้เป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดประเทศ
 
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์จาก บล, เคทีบีเอสที ระบุว่าด้วยตัวเลขผู้ติดเขื้อ Covid-19 ยังทรงๆตัว และศบค.ยืดเวลา Lock down (เพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมการระบาด)  ทำให้ตลาดช่วงสั้นๆยังดี และมีแรงซื้อกลับในหุ้นที่เคยเป็นลบมาก่อน

ติดต่อโฆษณา!