อัปเดตมาตรการรัฐ ซื้อบ้านปี 67 มาตรการไหนเหมาะสำหรับคุณ

อัปเดตมาตรการรัฐ ซื้อบ้านปี 67 มาตรการไหนเหมาะสำหรับคุณ


ครม. มีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ และการเตรียมการเพื่อรองรับการดำเนินการยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก (Thailand Vision) เพื่อสนับสนุนการมีที่อยู่อาศัยของประชาชน 

หลักๆ เป็นการลดค่าจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์จากร้อยละ 2 เหลือร้อยละ 0.01 และลดค่าจดทะเบียนการจำนอง อสังหาริมทรัพย์จากร้อยละ 1 เหลือร้อยละ 0.01 สำหรับการซื้อขาย อสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ อาคารที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด หรือบ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์ หรือที่ดินพร้อมอาคารดังกล่าว หรือห้องชุดที่จดทะเบียนอาคารชุด 

มูลค่าทรัพย์สินมีราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 7 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 7 ล้านบาทต่อสัญญา โดยไม่รวมถึงกรณีการขายเฉพาะส่วน ทั้งนี้ สำหรับผู้ซื้อที่เป็นบุคคลธรรมดาสัญชาติไทย โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่กฎหมายได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ไปดูรายละเอียดกัน 

🚩 ลดค่าโอน - จดจำนอง บ้าน - คอนโดราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท มาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย ปี 2567 แบ่งเป็น

- ลดค่าจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์จาก 2% เหลือ 0.01%

- ลดค่าจดทะเบียนการจำนอง อสังหาริมทรัพย์จาก 1% เหลือ 0.01%

โดยมีราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 7 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 7 ล้านบาท ต่อสัญญา โดยไม่รวมถึงกรณีการขายเฉพาะส่วน สำหรับผู้ซื้อที่เป็นบุคคลธรรมดาสัญชาติไทย โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันนี้-31 ธันวาคม 2567
.
🚩 ลดหย่อนภาษีฯ สำหรับผู้ปลูกสร้างบ้านเอง
มาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกสร้างบ้าน กำหนดให้บุคคลธรรมดา (ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล) หักลดหย่อนค่าจ้างก่อสร้างบ้านให้แก่ผู้รับจ้าง ซึ่งเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการจ่ายค่าจ้างตามสัญญาจ้างตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน 2567 - 31 ธันวาคม 2568

โดยให้หักลดหย่อนภาษีได้ 10,000 บาทต่อทุกจำนวนค่าก่อสร้าง 1 ล้านบาท ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมกันแล้วไม่เกิน 100,000 บาท เฉพาะค่าจ้างก่อสร้างบ้านไม่เกิน 1 หลัง ในปีภาษีที่ก่อสร้างบ้านเสร็จ ตามสัญญาจ้างที่ได้กระทำขึ้นและเริ่มดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน 2567 - 31 ธันวาคม 2568 และได้เสียอากรแสตมป์โดยวิธีการชำระอากรเป็นตัวเงินผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต

🚩 สินเชื่อบ้าน Happy Home ธอส. ดอกเบี้ยคงที่ 3% ต่อปี นาน 5 ปี โดยธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) สนับสนุนสินเชื่อให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง เพื่อซื้อที่ดินพร้อมอาคาร หรือห้องชุด ปลูกสร้างอาคารหรือซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างอาคาร และเพื่อซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย

อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3% ต่อปี เป็นระยะเวลา 5 ปี วงเงินต่อรายสูงสุด ไม่เกิน 3,000,000 บาท ระยะเวลากู้สูงสุดไม่เกิน 40 ปี โดยประชาชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการสามารถยื่นคำขอกู้กับ ธอส. ได้ตั้งแต่วันนี้-30 ธันวาคม 2568 หรือจนกว่า ธอส. ให้สินเชื่อเต็มตามกรอบวงเงินของโครงการ

🚩 สินเชื่อบ้าน Happy Life ธอส. ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 2.98% ต่อปี วงเงินโครงการ 10,000 ล้านบาท โดย ธอส. สนับสนุนสินเชื่อ ให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง เพื่อซื้อที่ดินพร้อมอาคารหรือห้องชุด ปลูกสร้างอาคารหรือซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างอาคาร เพื่อต่อเติม ขยาย หรือซ่อมแซมอาคาร หรือไถ่ถอนจำนองจากสถาบันการเงินอื่น

อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 2.98% ต่อปี วงเงินต่อรายตั้งแต่ 2,500,000 บาทขึ้นไป โดยประชาชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการสามารถยื่นคำขอกู้กับ ธอส. ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หรือจนกว่า ธอส. ให้สินเชื่อเต็มตามกรอบวงเงินของโครงการ

สินเชื่อบ้านออมสินเพื่อประชาชน ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 2.95% ต่อปี โครงการสินเชื่อบ้านออมสินเพื่อประชาชน วงเงินโครงการ 10,000 ล้านบาท โดยสนับสนุนสินเชื่อสำหรับบุคคลทั่วไป เพื่อซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ห้องชุด หรือปลูกสร้างที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง

อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 2.95% ต่อปี โดยปีที่ 1 คิดอัตราดอกเบี้ย 1.95% วงเงินกู้ต่อรายสูงสุด ไม่เกิน 7,000,000 บาท ระยะเวลากู้สูงสุดไม่เกิน 40 ปี พร้อมเงื่อนไขเงินงวดผ่อนชำระต่ำพิเศษ เริ่มต้น 2,500 บาทต่อเดือน

โดยสามารถยื่นคำขอกู้กับธนาคารออมสินได้ตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน - 30 ธันวาคม 2567


🚩 การเคหะแห่งชาติ จัดโปรฯ เช่าราคาพิเศษ เริ่ม 1,200 บาท โดยคัดเลือกโครงการที่น่าสนใจมาจัดทำเป็น "โครงการบ้านตั้งต้น" ให้กับกลุ่ม First Jobber จำนวน 7,823 หน่วย แบ่งเป็นบ้านเพื่อขาย 6,395 หน่วย และเป็นบ้านเพื่อเช่า 1,428 หน่วย ซึ่งกลุ่ม First Jobber สามารถเข้าถึง "บ้านตั้งต้น" ได้ 3 วิธี ได้แก่

1. Rent to Buy หรือเช่าเพื่อซื้อ เป็นการเช่าระยะสั้น 3-5 ปี และสามารถซื้อเป็นของตนเองภายในเวลาการเช่าหรือครบระยะเวลาเช่า
2. ซื้อแล้วผ่อนชำระกับสถาบันการเงิน
3. เช่าซื้อโดยตรงกับการเคหะแห่งชาติ


🚩สำหรับกลุ่ม First Jobber ที่ยังไม่พร้อมจะซื้อบ้าน การเคหะแห่งชาติยังได้คัดเลือกโครงการอาคารเช่า 7 ทำเล ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวนรวม 1,428 หน่วย มาจัดโปรโมชันพิเศษให้กับกลุ่ม First Jobber ในอัตราค่าเช่าเริ่มต้นที่ 1,200 บาท เริ่มตั้งแต่วันนี้ - 30 พฤศจิกายน 2567 ได้แก่

1. โครงการเคหะชุมชนพรพระร่วงประสิทธิ์ ระยะ 1 ส่วน 1 และ 2 รูปแบบแฟลต 5 ชั้น ห้องมีพื้นที่ใช้สอย 31 ตารางเมตร ตั้งอยู่บริเวณ ซ.วัดพรพระร่วงประสิทธิ์ ถ.สุขาภิบาล 5 แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพฯ

2. โครงการเคหะชุมชนทุ่งสองห้อง รูปแบบแฟลต 5 ชั้น ห้องมีพื้นที่ใช้สอย 36 ตารางเมตร ตั้งอยู่บริเวณ ถ.กำแพงเพชร แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ

3. โครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย จังหวัดสมุทรสาคร (กระทุ่มแบน 3) รูปแบบแฟลต 4 ชั้น ห้องมีพื้นที่ใช้สอย 28 และ 30 ตารางเมตร ตั้งอยู่บริเวณ ถ.เทศบาล 3 ต.ตลาดกระทุ่มแบน อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร

4. โครงการเคหะชุมชนออเงิน ระยะ 2 รูปแบบแฟลต 5 ชั้น ห้องมีพื้นที่ใช้สอย 31 ตารางเมตร ตั้งอยู่บริเวณ ถ.สุขาภิบาล 5 แขวงสายไหม เขตออเงิน กรุงเทพฯ


5. โครงการอาคารเช่ามาตรฐานรอง เพชรเกษม 91 รูปแบบแฟลต 5 ชั้น ห้องมีพื้นที่ใช้สอย 24 ตารางเมตร ตั้งอยู่บริเวณ ถ.พุทธสาคร ต.สวนหลวง อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร

6. โครงการอาคารเช่ามาตรฐานรอง เพชรเกษม ระยะ 2 รูปแบบแฟลต 5 ชั้น ห้องมีพื้นที่ใช้สอย 24 ตารางเมตร ตั้งอยู่บริเวณ ถ.พุทธสาคร ต.สวนหลวง อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร

7. โครงการเคหะชุมชนบางพลี วาระ 2 ส่วน 2 ระยะ 1 รูปแบบแฟลต 5 ชั้น ห้องมีพื้นที่ใช้สอย 31 ตารางเมตร ตั้งอยู่บริเวณ ถ.เทพารักษ์ ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ

8. โครงการอาคารเช่าบ้านพระรามสี่ พลัส รูปแบบแฟลต 14 ชั้น ห้องมีพื้นที่ใช้สอย 32.8 ตารางเมตร ตั้งอยู่บริเวณ ถ.พระราม 4 แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ


🚩 บ้านล้านหลัง เฟส 3 วงเงินให้กู้ 1.5 ล้าน ดอกเบี้ย 3% คงที่ 5 ปี

โครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 3 มีวงเงินโครงการ 20,000 ล้านบาท โดยธนาคารอาคารสงเคราะห์ จะสนับสนุนสินเชื่อให้แก่ประชาชนทั่วไปที่มีความต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง โดยมีรายละเอียดดังนี้

• ให้กู้บ้าน ราคาซื้อ-ขาย/ค่าก่อสร้างและวงเงินกู้สูงสุดต่อรายต่อหลักประกันไม่เกิน 1,500,000 บาทต่อรายต่อหลักประกัน ทั้งประเภทบ้าน หรือคอนโดมิเนียม ทั้งที่เป็นที่อยู่อาศัยใหม่ หรือบ้านมือสอง หรือเพื่อปลูกสร้าง 

• มีระยะเวลากู้ยืมสูงสุดไม่เกิน 40 ปี

• ยกเว้นค่าประเมินราคาหลักประกัน (1,900 - 2,300 บาท) และค่าจดทะเบียนนิติกรรมจำนอง (1% ของวงเงินจำนอง)

• ดอกเบี้ยคงที่ 3% ต่อปี ในช่วง 5 ปีแรก (เงินงวดคงที่นานถึง 60 งวดแรก) วงเงินกู้ 1 ล้านบาท ผ่อนเริ่มต้นเดือนละ 4,100 บาท วงเงินกู้ 1.5 ล้านบาท ผ่อนเริ่มต้นเดือนละ 6,200 บาท



🚩มาตรการ LTV ให้กู้เพิ่มได้ 10%

ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ปรับมาตรการควบคุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หรือ Loan-to-Value: LTV เพื่อช่วยให้ประชาชนกู้บ้านเพื่ออยู่อาศัยจริงได้ง่ายขึ้น โดยมีเกณฑ์ดังนี้

1. ส่งเสริมให้ประชาชนเป็นเจ้าของบ้านหลังแรกได้ง่ายขึ้นและช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการเข้าอยู่อาศัย โดยในการกู้ซื้อบ้านหลังแรกที่ราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท แม้ว่ายังคงเพดาน LTV 100% สำหรับสินเชื่อบ้าน

แต่ผู้กู้สามารถกู้เพิ่มได้อีก 10% ของมูลค่าหลักประกัน สำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการเข้าอยู่อาศัยจริง เช่น การตกแต่งบ้าน การซ่อมแซมหรือต่อเติม 

นอกจากนี้ กำหนดให้วางเงินดาวน์น้อยลงจาก 20% เป็น 10% สำหรับการกู้ซื้อบ้านหลังแรกที่มีราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป

2. ผู้ที่จำเป็นต้องมีบ้าน 2 หลังที่มีวินัยในการผ่อนชำระหนี้สัญญาที่ 1 มาแล้วพอสมควร ให้เข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น ขณะที่ยังคงส่งเสริมให้มีการออมก่อนกู้ โดยผ่อนเกณฑ์ให้การกู้ซื้อบ้านสัญญาที่ 2 ที่ราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท ต้องมีเงินดาวน์ 10% หากผ่อนชำระสัญญาที่ 1 มาแล้วอย่างน้อย 2 ปี (จากเดิมกำหนด 3 ปี)

อย่างไรก็ตาม ทาง ธปท.ยังไม่ยกเลิกเพดาน LTV สำหรับการกู้ซื้อบ้านสัญญาที่ 2 เพราะจากข้อมูลพบว่ามากกว่าครึ่งของผู้กู้ซื้ออาคารชุด 2 หลังพร้อมกันมีระยะห่างระหว่างการกู้สัญญาที่ 1 และสัญญาที่ 2 ไม่ถึง 1 ปี สะท้อนว่าเป็นการกู้เพื่อเก็งกำไรมากกว่าเพื่ออยู่อาศัยจริง



🚩 ปรับเกณฑ์มาตรการ LTV เอื้อคนซื้อบ้านกรณีกู้ร่วม จากการที่ ธปท.ออกมาตรการควบคุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หรือ LTV เพื่อป้องกันการเกิดหนี้เสีย แต่เกิดผลกระทบต่อผู้ซื้อบ้าน โดยเฉพาะผู้ที่กู้ร่วม



🚩 สำหรับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ 

ทีผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ อาจจะได้อานิสงส์ ก็อาจจะเป็นผู้ประกอบการที่มีโครงการบ้านหรือคอนโดมิเนียมในระดับราคาไม่เกิน 7 ล้านบาทพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2567 ผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯที่มีโครงการในระดับราคานี้ก็เกือบทุกรายเลยทั้ง พฤกษา ออริจิ้น เอพี แสนสิริ เสนา ศุภาลัย โนเบิล เอสซี แอสเสท เป็นต้น 

“เรียกได้ว่าทุกรายได้อานิสงส์จากมาตรการนี้หมดแล้วแต่สัดส่วนของบ้านหรือคอนโดมิเนียมพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ภายในปีนี้ที่มีในมือ ผู้ประกอบการเองก็น่าจะมีมาตรการออกมาควบคู่กันเพื่อสร้างแรงจูงใจโดยเฉพาะในเรื่องของราคาขายที่มีความเป็นไปได้ที่จะลดลง” นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ (Property DNA) ระบุ

ติดต่อโฆษณา!