24 มกราคม 2567
467
เอลนีโญเริ่มส่งผลกระทบ ต้นทุนน้ำสูงขึ้น ผลิตข้าวได้น้อยลง
นางธัญธิตา บุญญมณีกุล รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยสภาพอากาศที่ร้อนขึ้น เป็นปรากฏการณ์เอลนีโญที่เริ่มส่งผลแล้วในหลายพื้นที่ โดยคาดการณ์ผลกระทบดังนี้
• ศสก.คาดการณ์ว่าปีนี้ภาวะเอลนีโญจะหนักขึ้นมากกว่าปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าปีนี้อุณหภูมิโลกจะสูงขึ้น 1.5 องศาเซลเซียส ส่งผลให้ประเทศไทยประสบปัญหาภัยแล้งและขาดแคลนน้ำ
• ปริมาณน้ำฝนที่จะตกในช่วงฤดูฝนน้อยลง และปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่จะต่ำกว่า 20%
• การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในช่วงครึ่งปีแรก ตั้งแต่มกราคม – มิถุนายน อากาศจะร้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นช่วงที่ท้าทาย สำหรับการปลูกพืช และการผลิตสินค้าเกษตร รวมถึงปศุสัตว์และประมงจะเกิดภาวะแล้ง ในหลายพื้นที่
• จากการติดตามและวิเคราะห์ต้นทุนการผลิตสินค้าเกษตร พบว่า จากสภาพอากาศที่แห้งแล้ง และอุณหภูมิที่สูงขึ้น การระเหยของน้ำมีมากขึ้น จำเป็นต้องใช้น้ำเพื่อการเจริญเติบโตในอัตราที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ค่าใช้จ่าย (ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงและค่าไฟฟ้า) ที่ใช้ในการสูบน้ำเข้าแปลงนาสูงขึ้นประมาณ 10 – 20% ต่อไร่
• ค่าใช้จ่ายเกษตรกรใช้ในการปราบศัตรูพืชและวัชพืชเพิ่มขึ้น 5 – 10% ต่อไร่ คาดว่าภาพรวมต้นทุนการผลิตข้าวนาปรังเฉลี่ยต่อไร่สูงขึ้นโดยรวมประมาณ 3 – 5%
• สำหรับผลพยากรณ์ของ สศก. คาดว่าเนื้อที่เพาะปลูกข้าวนาปรัง ปี 2567 (ข้อมูล ณ กันยายน 2566) จะมีเนื้อที่เพาะปลูก 9.877 ล้านไร่ ผลผลิต 6.351 ล้านตันข้าวเปลือก และให้ผลผลิตต่อไร่ 643 กก./ไร่ โดยลดลงจากปี 2566 ที่มีเนื้อที่เพาะปลูก 11.099 ล้านไร่ ผลผลิต 7.199 ล้านตันข้าวเปลือก ผลผลิตต่อไร 649 กก./ไร่
• เนื่องจากผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนิโญ ทำให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำส่วนใหญ่และน้ำแหล่งน้ำตามธรรมชาติน้อยกว่าปีที่แล้ว ส่งผลให้น้ำต้นทุนไม่เพียงพอ เกษตรกรในบางพื้นที่จึงปล่อยพื้นที่ให้ว่าง และคาดว่าจะมีวัชพืชขึ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้ต้นข้าวเจริญเติบโตไม่สมบูรณ์
• สศก.แนะนำเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรังในพื้นที่ขาดแคลนน้ำหรือห่างจากแหล่งน้ำปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย เพื่อลดความเสี่ยงทั้งด้านต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นและความเสียหายของพืชจากปัญหาการขาดแคลนน้ำเช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ถั่วเหลือง พืชผัก เป็นต้น
• เกษตรกร ควรจะปลูกพืชหมุนเวียนหรือผสมผสานให้มากขึ้นถึงจะอยู่รอดได้ ลดปัญหาดินเสื่อมโทรม และยังช่วยให้เกิดการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า ในช่วงเวลาที่หลาย ๆ พื้นที่กำลังประสบปัญหาภัยแล้งจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอีกด้วย