15 พฤศจิกายน 2566
437

จีน - สหรัฐฯ ตกลงปราบปรามการค้า “เฟนทานิล” สารระงับปวดที่มีความรุนแรงกว่าเฮโรอีน 50 เท่า

จีน - สหรัฐฯ ตกลงปราบปรามการค้า “เฟนทานิล” สารระงับปวดที่มีความรุนแรงกว่าเฮโรอีน 50 เท่า

Financial Time รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวใกล้ชิดว่า จีนตกลงที่จะปราบปรามบริษัทที่ส่งออกสารเคมีที่ใช้ผลิต เฟนทานิล (Fentanyl) ซึ่งเป็นสารฝิ่นสังเคราะห์ที่มีอันตรายถึงชีวิต โดยคาดว่าทั้งสองฝ่าย จะลงนามในข้อตกลงในการพบปะกันระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนในสัปดาห์นี้

ข้อมูลทางการแพทย์ระบุว่า เฟนทานิล คือ สารโอปิออยด์สังเคราะห์ หรือสารระงับความปวด ที่มีความรุนแรงกว่าเฮโรอีน 50 เท่า และรุนแรงกว่ามอร์ฟีนถึง 100 เท่า ทำให้เฟนทานิล เพียงไม่กี่หยด ก็สามารถทำให้เมายาได้ และเสียชีวิตได้ 

จากกรณีที่มีรายงานว่า สหรัฐฯ ขณะนี้กำลังเผชิญวิกฤตการเสพยา “เฟนทานิล” เกินขนาดทั่วประเทศ โดยข้อมูลปี 2021 พบว่ามีผู้เสียชีวิตจากการใช้ยาเกินขนาดเพิ่มขึ้น 100,000 คนเป็นครั้งแรก ในจำนวนนี้เป็นผู้เสียชีวิตจากการใช้เฟนทานิลสูงถึง 66%

แม้ลักษณะการใช้เฟนทานิลจะเป็นการเสพควบคู่กับสารเสพติดตัวอื่น เช่น ฝิ่น ยาบ้า โคเคน แต่เฟนทานิลก็มีความรุนแรงและน่ากลัวในตัวของมันเองเช่นกัน

ข้อตกลงดังกล่าวคาดว่าจะเป็นหนึ่งในหลายๆ ข้อตกลงที่เกิดขึ้นจากการประชุมสุดยอดในเมืองซานฟรานซิสโกในวันพุธนี้  (15 พ.ย.) ซึ่งนับเป็นการพบปะกันครั้งที่ 2 ระหว่างประธานาธิบดีไบเดนและประธานาธิบดีสีในฐานะผู้นำประเทศ ขณะที่ทั้งสองฝ่ายพยายามรักษาเสถียรภาพความสัมพันธ์ทวิภาคีที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบ 4 ทศวรรษ

รายงานระบุว่า การทำข้อตกลงดังกล่าวจะเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของคณะบริหารของปธน.ไบเดน ซึ่งพยายามจัดการกับการแพร่หลายของเฟนทานิล ซึ่งเป็นยาที่มีฤทธิ์รรุนแรงกว่าเฮโรอีนถึง 50 เท่า และเชื่อมโยงกับการเสียชีวิตของประชาชนหลายแสนคนในสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ผู้นำจีน และสหรัฐฯ มีกำหนดพบปะกันเป็นเวลา 4 ชั่วโมง ก่อนการประชุมสุดยอดความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย - แปซิฟิก (เอเปก) โดยผู้นำทั้งสองชาติมีแนวโน้มจะหารือเกี่ยวกับประเด็นต่าง ๆ

เช่น ความตึงเครียดเกี่ยวกับไต้หวัน พฤติกรรมบีบบังคับของจีนในทะเลจีนใต้ และความกังวลของจีนที่มีต่อการควบคุมการส่งออกของสหรัฐ โดยมาตรการควบคุมการส่งออกดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อกีดกันการยกระดับกองทัพจีนให้ทันสมัย

นอกจากนี้ ผู้นำทั้งสองมีแนวโน้มจะเห็นพ้องต้องกันในเรื่องการกลับมาเปิดช่องทางการสื่อสารทางทหารอีกครั้ง หลังจากจีนปิดช่องทางสื่อสารเพื่อตอบโต้การเดินทางเยือนไต้หวันของนางแนนซี เพโลซี อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เมื่อเดือนส.ค. 2565

กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ผลักดันให้มีการเปิดช่องทางการสื่อสารทหารอีกครั้ง ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงของเครื่องบินรบของจีนที่บินเข้าใกล้เครื่องบินลาดตระเวนของสหรัฐและชาติพันธมิตรเหนือทะเลจีนใต้

ทั้งนี้ การประชุมสุดยอดครั้งนี้ถือเป็นการเยือนสหรัฐครั้งแรกของประธานาธิบดีสีนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2560 โดยเวลานั้นเขาได้พบกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ในขณะนั้นในเมืองฟลอริดา
ติดต่อโฆษณา!