“กูเกิล” เอาด้วยลดสวัสดิการพนักงาน ค่าใช้จ่าย ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจถดถอย

“กูเกิล” เอาด้วยลดสวัสดิการพนักงาน ค่าใช้จ่าย ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจถดถอย
Highlight

Google จัดหนักไม่แพ้บริษัทด้านเทคโนโลยีอื่นๆ ของสหรัฐ ด้วยการเลิกจ้างงานถึง 12,000 ตำแหน่ง ตามสถานการณ์เศรษฐกิจชะลอตัว และหันไปโฟกัสการลงทุนในการผลิตปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ล่าสุดได้ประกาศหั่นสวัสดิการพนักงานลงหลายอย่าง ไม่ว่าจะลดความถี่ในการเปลี่ยนอุปกรณ์แล็ปท็อป เดสก์ท็อปพีซี และจอภาพ อุปกรณ์เสริมที่มีราคามากกว่า 1,000 ดอลลาร์ต้องได้รับอนุมัติจากผู้อำนวยการ ที่เย็บกระดาษหรือเทปได้ถูกงดให้ใช้ฟรี

  • CNBC ระบุว่า Google ได้ลดต้นทุนอย่างรุนแรงที่สุดในรอบเกือบสองทศวรรษในฐานะบริษัทมหาชน โดยได้เลิกจ้างงาน 12,000 ตำแหน่ง ซึ่งคิดเป็นประมาณ 6% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด โดยคำนึงถึงการเติบโตของยอดขายที่ชะลอตัว แต่สวนทางการเติบโตของจำนวนพนักงานที่มากเป็นประวัติการณ์

  • Google ปฏิเสธที่จะจ่ายเงินส่วนที่เหลือของการลาคลอดและลาป่วยของพนักงานที่ถูกเลิกจ้างอีกด้วย โดยในอีเมลล่าสุดของ Porat กล่าวว่าการปลดพนักงานเป็น ‘การตัดสินใจที่ยากที่สุดที่เราต้องทำในฐานะบริษัท’

“งานนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งหากดูจากการเติบโตล่าสุดของเรา สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ท้าทาย และโอกาสการลงทุนของเราเพื่อขับเคลื่อนเทคโนโลยีไปข้างหน้า โดยเฉพาะในด้าน AI”

  • การรัดเข็มขัดในครั้งนี้มีการเปลี่ยนแปลงอีกหลายอย่าง เช่น Google จะลดความถี่ในการเปลี่ยนอุปกรณ์แล็ปท็อป เดสก์ท็อปพีซี และจอภาพ ขณะที่พนักงานของ Google ที่ไม่ได้ทำงานด้านวิศวกรรมแต่ต้องการแล็ปท็อปเครื่องใหม่จะได้รับ Chromebook ซึ่งเป็นแล็ปท็อปที่ผลิตโดย Google และใช้ระบบปฏิบัติการของ Google ที่เรียกว่า ChromeOS ซึ่งก่อนหน้านี้พนักงานจะได้รับ MacBook
  • พนักงานจะต้องได้รับการอนุมัติจากผู้อำนวยการ ‘หรือสูงกว่า’ หากพวกเขาต้องการอุปกรณ์เสริมที่มีราคามากกว่า 1,000 ดอลลาร์และไม่มีจำหน่ายเป็นการภายใน นอกจากนี้ที่เย็บกระดาษหรือเทปได้ถูกงด ซึ่งหากพนักงานต้องการใช้ให้ไปขอที่พนักงานต้อนรับ

  • การมาทำงาน 3 วันต่อสัปดาห์ทำให้ Google อาจปิดร้านกาแฟในวันจันทร์และวันศุกร์ และปิดสิ่งอำนวยความสะดวกบางอย่างที่ ‘ใช้งานน้อยเกินไป’ เช่น ชั้นเรียนโยคะในบ่ายวันศุกร์ที่ผู้คนมีแนวโน้มที่จะทำงานจากที่บ้าน

  • เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทเทคโนโลยีเริ่มดำเนินการรัดเข็มขัดรอบเพิ่มเติมเพื่อตอบสนองต่อความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ นอกจาก Google แล้ว เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา Meta Platforms Inc. กล่าวว่าจะเลิกจ้างงานประมาณ 10,000 ตำแหน่งในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ ‘ปีแห่งประสิทธิภาพ’ หลังจากเลิกจ้างพนักงานประมาณ 11,000 คนเมื่อฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว
  • ส่วนบริษัทเทคอื่นๆ เช่น Amazon.com Inc. ยังกล่าวในเดือนนี้ว่าจะลดงานขององค์กรอีก 9,000 ตำแหน่งในด้านต่างๆ เช่น การโฆษณาและคลาวด์คอมพิวติ้ง หลังจากก่อนหน้านี้ได้ประกาศแผนการลดตำแหน่งงาน 18,000 ตำแหน่งด้วยกัน

“สวัสดิการพนักงาน” เบื้องหลังความสำเร็จของ Google บริษัทที่คนรุ่นใหม่อยากทำงานด้วยที่สุดในโลก

  • ในยุคที่บริษัทเทครุ่งเรือง Google เป็นบริษัทที่เข้าใจและสนับสนุนพนักงานมากที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก นอกจากจะมีสวัสดิการที่อำนวยความสะดวก ตอบโจทย์พนักงานได้แบบครบครันตั้งแต่ก้าวเดินออกจากบ้านมาจนถึงบริษัทแล้ว ยังมีวัฒนธรรมองค์กรที่ชวนให้พนักงานเป็นคนเก่งในเวอร์ชันที่ดีขึ้น มีความคิดสร้างสรรค์ และให้โอกาสเติบโตในที่แห่งนี้ได้อย่างที่ไม่ที่สิ้นสุด มาดูกันว่า สวัสดิการของ Google มีความพิเศษอย่างไร ใครๆถึงอยากทำงานด้วยสวัสดิการที่ไม่เหมือนใครในแบบของ Google
  • Google ได้รับการจัดอันดับจาก Comparably ว่าเป็น ‘บริษัทที่มีวัฒนธรรมองค์กรดีที่สุดในปี 2021’ (Best Global Culture 2021) โดยหลักเกณฑ์ที่ใช้วัด มีดังนี้

    • ค่าตอบแทน (เงินเดือน, โบนัส และการขึ้นเงินเดือน)

    • ความก้าวหน้าในอาชีพ (โอกาส, การให้คำปรึกษา และเป้าหมาย)

    • ความเป็นผู้นำ (CEO, ผู้บริหาร และผู้จัดการ)

    • สภาพแวดล้อมการทำงาน (สวัสดิการ Work-Life Balance และเพื่อนร่วมงาน)

  • ปัจจุบันบริษัทเทคโนโลยีหลาย ๆ บริษัทรวมถึง Google ก็ได้เข้ามาลบภาพจำของออฟฟิศที่เป็นพื้นที่โล่งและกั้นล็อคเป็นห้องๆ ระหว่างพนักงงานและหัวหน้างาน หากใครที่เคยเห็นบรรยากาศที่ออฟฟิศของ Google ก็คงจะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนแบบทันทีเลย เพราะออฟฟิศของ Google มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายให้พนักงานจนเรียกได้ว่าเป็น ‘บ้านหลังที่สอง’ เลยก็ว่าได้ และพนักงานส่วนใหญ่ก็จะรู้สึกมีความสุขที่จะได้เข้ามาทำงานในบริษัททุกครั้ง

ตัวอย่างของสวัสดิการที่ Google มอบให้พนักงาน เช่น 

  • สวัสดิการด้านการเดินทาง – Google มีรถรับส่งให้พนักงานจากย่านที่อยู่อาศัยของพนักงานมาจนถึงออฟฟิศเลย ทำให้พนักงานไม่จำเป็นต้องเสียค่าเดินทาง หรือเสียเวลาขับรถเอง แล้วระหว่างที่อยู่บนรถก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกในการทำงานให้ด้วย เช่น โต๊ะวางแล็บท็อบ, Wi-Fi เพื่อให้พนักงานสามารถเข้าประชุมหรือเช็กอีเมลในระหว่างการเดินทาง จะได้ไม่เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์นั่นเอง

  • มีอาหารให้ฟรี 3 มื้อ – โดยอาหารทั้ง 3 มื้อนั้นก็เป็นอาหารที่มีความหลากหลาย สารอาหารครบถ้วน ไม่ซ้ำซากจำเจ รสชาติอร่อย และดีต่อสุขภาพของพนักงานทุกคน ซึ่ง Google ได้ให้เหตุผลว่าที่ทำแบบนี้ก็เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้พนักงาน ไม่ต้องเดินไปหาร้านค้าที่ไหนไกล ประหยัดเวลา แถมยังสามารถพูดคุย ปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานได้อย่างง่ายดาย

  • Minibar – Minibar ของ Google มีทั้งน้ำผลไม้ กาแฟ หรือของว่างให้กินได้ตลอดเวลา ซึ่ง Google ก็มีความใส่ใจกับพนักงานถึงขนาดที่ว่า ในตู้เย็นจะนำเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ คลีน ไม่มีแคลอรี จัดอยู่ในตำแหน่งที่พนักงานหยิบได้ง่าย แต่ถ้าใครอยากจะดื่มเครื่องซ่า ๆ อย่าง โซดา น้ำอัดลม หรือดื่มที่มีแคลอรี ก่อนจะซ่าสดชื่นก็ต้องยอมเหนื่อยก้มลงไปหยิบที่ชั้นล่างเสียหน่อย

  • แต่ถ้าเป็นเครื่องดื่มประเภทโซดา น้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มที่มีแคลอรี ก็จะวางไว้ชั้นล่าง ๆ เพื่อให้พนักงานหยิบยากหรือเสียแคลอรีก่อนที่จะดื่มอีกด้วย

  • Ergonomic Office Stuff – ไม่ว่าจะเป็นทั้งโต๊ะ เก้าอี้ หรืออุปกรณ์อื่น ๆ เพื่อช่วยให้พนักงานได้ทำงานตามหลักสรีระศาสตร์ที่ถูกต้อง นอกจากความเป็นอยู่ของพนักงานต้องดีแล้ว สุขภาพกายระหว่างการทำงานก็สำคัญไม่แพ้กัน

  • ห้องบริการต่าง ๆ – เช่น ห้องนอน ถ้าหากพนักงานต้องการงีบระหว่างวัน ก็สามารถมานอนได้ทุกเวลา, ห้องอาบน้ำ ที่มีอุปกรณ์ครบทั้งผ้าเช็ดตัว สบู่ หรือแม้แต่อุปกรณ์ของผู้หญิงเองก็ตาม, ห้องนวด ใครที่ปวดเมื่อยเนื้อตัวหรืออยากผ่อนคลาย ก็มาใช้บริการนวดได้, ห้องเล่นเกม เพื่อสร้างความสุขให้กับพนักงาน และส่งเสริมให้ใช้เวลาร่วมกับเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ

  • สนับสนุนการออกกำลังกาย – เป็นพนักงานจะทำงานอย่างเดียวไม่ได้ ต้องเสียเหงื่อสักหน่อย Google ก็มีพื้นที่ออกกำลังกายไว้ให้พนักงาน อย่างเช่น บริการฟิตเนส, ห้องตีปิงปอง, โต๊ะพลู หรือถ้าสายปั่นอยากจะออกไปปั่นจักรยานใน Campus ท้าแดดรับลมหนาว Google ก็มีให้บริการทั่วพื้นที่ของบริษัท สามารถปั่นคันไหนก็ได้ตามใจชอบ

  • สำหรับตัวอย่างที่ยกมาข้างต้นก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสิ่งอำนวยความสะดวก (Facility) ภายในออฟฟิศ Google เท่านั้น ที่ถูกออกแบบมาพร้อมกับความยืดหยุ่น ไม่ยึดติดกับออฟฟิศรูปแบบเดิม ๆ เหมือนภาพจำหลาย ๆ คนในอดีต แต่ยังไม่หมดเท่านั้น เพราะ Google ก็ยังมีสวัสดิการอื่น ๆ อีกเช่น

  • ประกันชีวิต – ถ้าหากพนักงานเสียชีวิต บริษัทจะจ่ายเงินเดือนให้ผู้รับผลประโยชน์ถึง 10 เท่า ให้เรามั่นใจได้ว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ครอบครัวจะได้รับเงินดูแลและไม่ลำบากแน่นอน

  • ประกันสุขภาพแบบพรีเมียม – นอกจากให้ตัวพนักงานแล้วก็ยังให้คู่สมรส (โดยไม่จำกัดเพศ) ได้รับสิทธิ์แบบเดียวกันกับที่พนักงานได้ทุกอย่าง

  • เงินเดือนสำหรับบุตร – บุตรของพนักงานจะได้รับเงินเดือนเดือนละ 1,000 ดอลลาร์ จนถึงอายุ 19 ปี

  • สิทธิ์ลาคลอด – ให้ลาไปเลี้ยงดูบุตรได้ทั้งพ่อและแม่ (บางแห่งจำกัดให้แม่ลาเพียงคนเดียว)

  • มีเงินสนับสนุนในช่วง Work From Home – บริษัทสนับสนุนเงินจำนวน 1,000 ดอลลาร์ เพื่อให้พนักงานไปซื้ออุปกรณ์เพิ่มความสะดวกให้กับการทำงานที่บ้าน ไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์ IT, โต๊ะ, เก้าอี้ และอื่น ๆ

  • Hybrid Working – ให้เข้าออฟฟิศ 3 วัน และ Remote Working 2 วัน (สามารถเลือกวันเองได้) เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศการทำงานและสร้างความ Productive ให้กับพนักงานมากขึ้น

  • ทุนการศึกษา – เงินสนับสนุนให้พนักงานได้เรียนรู้เพิ่มเติมเพื่อพัฒนาตัวเอง โดยจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ ศึกษาในเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับการทำงาน ถ้าหากคุณเป็น Engineer แต่อยากไปเรียนดำน้ำ บริษัทจะช่วยออกค่าเรียน 1/3 แต่ถ้าศึกษาในเรื่องที่เกี่ยวกับการทำงาน เช่น การบริหาร การโค้ดดิ้ง การฝึกพูดในที่สาธารณะ สามารถเบิกได้ 2/3 เพื่อนำมาพัฒนางานหรือโปรเจกต์ได้มากขึ้น

  • ที่ Google พยายามคิดค้นสวัสดิการต่าง ๆ ออกมามากมายให้กับพนักงาน ก็เพราะบริษัทอยากช่วยให้พนักงานมีความสุข มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สามารถพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ เมื่อทุกอย่างดี พนักงานไม่มีเรื่องมารบกวน มี Mental Health ที่ดี ไม่มีอาการหมดไฟหรือ Burnout มาเยี่ยมเยือน พวกเขาก็จะสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ มีประสิทธิภาพ รวมถึงมีความคิดสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ให้กับบริษัทเพิ่มขึ้นได้อีก

  • นอกจากนี้ การมีสวัสดิการที่ดีก็จะไปสอดคล้องกับนโยบายหนึ่งที่เป็นหนึ่งในวัฒนธรรมองค์กรของ Google ที่มีมาตั้งแต่สมัยแรกเริ่มก่อตั้งบริษัทเลย นั่นก็คือ นโยบาย 20 Percent Time

นโยบาย 20 Percent Time คืออะไร?

  • นโยบาย 20 Percent Time คือ นโยบายที่ Google ให้พนักงานใช้เวลาทำงาน 20% ไปสร้างโปรเจกต์อะไรก็ได้ที่สร้างประโยชน์ให้กับ Google มากที่สุด นอกเหนือจากการทำงานในหน้าที่ปกติ ซึ่งการใช้เวลาตรงนี้จะทำให้พนักงานเกิดความคิดสร้างสรรค์ในการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ ขึ้นมา และสามารถสร้างผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ให้กับ Google ได้
  • ตัวอย่างนวัตกรรมที่เกิดขึ้นจากนโยบาย 20 Percent Time เช่น Google News (2002), AdSense (2003) และ Gmail (2004) ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้ก็ได้ออกมาสร้างความคุ้นเคยใหม่ ๆ ให้กับเรา จนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันไปแล้ว
  • เพราะบางทีการมีขนบธรรมเนียมหรือวัฒนธรรมองค์กรที่ทำต่อกันมารุ่นสู่รุ่นก็อาจเป็นเรื่องที่ดี แต่หลายครั้งการเปิดโอกาสให้พนักงานมีอิสระ มีพื้นที่ของตัวเอง ได้คิดและลงมือทำในสิ่งที่ต้องการดูบ้าง ก็อาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เปิดโอกาสให้เขาได้สร้างสรรค์ไอเดียใหม่ ๆ ออกมา และเป็นประโยชน์ให้กับองค์กรมากขึ้นก็ได้ เมื่อพนักงานอิสระแล้ว ก็จะได้คิดค้นไอเดียใหม่ ๆ ในการสร้างนวัตกรรมมากขึ้นมานั่นเอง
  • สวัสดิการที่ดี เมื่อสภาพแวดล้อมดี พนักงานมีความสุข ไม่ต้องคิดอะไรมากกับสิ่งรอบตัว ก็ช่วยให้พนักงานมีเวลาโฟกัสกับงานมากขึ้น งานที่ออกมาก็จะมีประสิทธิภาพส่งผลดีกับทั้ง Google และตัวพนักงาน นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ผู้คนกว่า 2 ล้านคนต่อปีส่งใบสมัครเข้ามาเพื่อเป็นพนักงานของ Google
  • อย่างไรก็ตาม หลังจากวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้ ทุกอย่างอาจจะเปลี่ยนไปแล้ว เมื่อสวัสดิการไม่เหมือนเดิม ตะยังเป็นบริษัทในฝันที่คนรุ่นใหม่อยากเข้าไปทำงานอยู่หรือไม่ ต้องติดตามกัน

 

อ้างอิง : CNBC

https://thegrowthmaster.com/company-culture/google



ติดตาม ทันข่าวToday ช่องทางอื่น ๆ

🔺 Website : https://www.thunkhaotoday.com/
🔺 Facebook : https://www.facebook.com/thunkhaotoday
🔺 Line Today : https://bit.ly/3ifSuDr
🔺 ติดต่อโฆษณา : https://line.me/ti/p/9mjGVL4nhC

ติดต่อโฆษณา!