นายกฯ เยอรมันยัน ! ดอยซ์แบงก์ไม่ล้มเหมือนเครดิตสวิส หลังการถอน AT1 พุ่งสูง

นายกฯ เยอรมันยัน ! ดอยซ์แบงก์ไม่ล้มเหมือนเครดิตสวิส หลังการถอน AT1 พุ่งสูง
Highlight

สถานการณ์ปั่นป่วนแห่ถอนตราสาร AT1 ของธนาคารดอยซ์แบงก์ เยอรมันนี เริ่มคลี่คลายเมื่อนายกรัฐมนตรี ได้แถลงเรียกความเชื่อมั่นว่าจะไม่ปล่อยให้ล้มแบบ ธนาคารเครดิตสวิส ทั้งนี้ดอยซ์แบงก์เป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของเยอรมนี อยู่ในกลุ่ม "Too Big to Fail" ด้าน IMF ประเมินเศรษฐกิจจีน คาดปีนี้โต 5.2% ฟื้นตัวหลังเปิดประเทศ นักเศรษฐศาสตร์จากซิตี้กรุ๊ป แนะจีนเป็นหลุมหลบภัยในการลงทุนปีนี้


นักลงทุนจับตาความเคลื่อนไหวของดอยซ์แบงก์อย่างใกล้ชิด หลังราคาหุ้นดอยซ์แบงก์ดิ่งลงทั้งในตลาดยุโรปและสหรัฐฯ ในวันศุกร์ที่ผ่านมา ภายหลังจาก Credit Default Swap (CDS) ซึ่งเป็นอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ของดอยช์แบงก์พุ่งสูงสุดในรอบ 4 ปี

  • นักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า นายกรัฐมนตรีของเยอมนีแสดงความเชื่อมั่นต่อธนาคารดอยซ์แบงก์ (Deutsche Bank) จะไม่ล่มเหมือนกับกรณีของธนาคารเครดิต สวิส หลังนักลงทุนพากันเทขายหุ้นจนทำให้หุ้นของธนาคารร่วงลงอย่างหนัก

  • นักลงทุนพากันเทขายหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังดอยซ์แบงก์ตกเป็นเป้าสนใจของนักลงทุนทั่วโลก โดยราคาหุ้นของธนาคารดิ่งลงทั้งในตลาดยุโรปและสหรัฐฯ หลังจาก CDS ซึ่งเป็นอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ของดอยช์แบงก์พุ่งสูงสุดในรอบ 4 ปี นับตั้งแต่ปี 2562 พุ่งขึ้นเหนือระดับ 2% จากระดับ 1.73% ในวันพฤหัสบดี

  • ดอยซ์แบงก์เป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของเยอรมนี มีสินทรัพย์ทั้งหมดราว 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ และมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการราว 8.8 แสนล้านดอลลาร์ และล่าสุดธนาคารเปิดเผยว่ามีกำไร 6 พันล้านดอลลาร์ในปี 2565

  • อย่างไรก็ตาม นายโอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ได้ออกมาให้ความเชื่อมั่นว่าดอยซ์แบงก์ได้ผ่านการปรับโครงสร้างและมีการปรับรูปแบบธุรกิจให้ทันสมัย และยังสามารถทำกำไรอย่างมาก นักลงทุนจึงไม่ควรกังวลเกินไปเกี่ยวกับอนาคตของธนาคาร

  • นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ต่างออกมาสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนว่า ดอยซ์แบงก์จะไม่ซ้ำรอยเป็นโดมิโนต่อจากเครดิต สวิส พร้อมย้ำคึวามแข็งแกร่งของธนาคารที่มีกำไรถึง 5 พันล้านยูโร (5.4 พันล้านดอลลาร์) ในปี 2565 เพิ่มขึ้น159% จากปี 2564 และสามารถทำกำไรต่อเนื่องถึง 10 ไตรมาส

  • ทั้งนี้ ดอยซ์แบงก์อยู่ในกลุ่ม Systemically Important Financial Institution (SIFI) ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่มีความสำคัญเชิงระบบ หรืออยู่ในกลุ่ม "Too Big to Fail" เป็นสถาบันการเงินที่ใหญ่เกินกว่าจะล้ม ซึ่งภาครัฐจะมีมาตรการช่วยเหลือป้องกันมิให้วิกฤตที่เกิดขึ้นกับธนาคารในกลุ่มนี้ลุกลามไปทั่วระบบการเงิน

 

เงินฝากธนาคารในสหรัฐวูบหายกว่า 9.84 หมื่นล้านดอลลาร์ สถานการณ์ยังผันผวน

  • ด้านสหรัฐฯ สรุปยอดเงินฝากของธนาคารสหรัฐลดลงมากที่สุดในรอบเกือบ 1 ปีในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่วิกฤตของธนาคารหลายแห่งทำให้ตลาดการเงินปั่นป่วนทั่วโลก โดยยอดเงินฝากที่ลดลงส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการร่วงลงหนักสุดเป็นประวัติการณ์ของยอดเงินฝากในธนาคารขนาดเล็ก

  • สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ได้เปิดเผยข้อมูลการฝากธนาคารในสหรัฐในสัปดาห์ที่ผ่านมา ลดลง 9.84 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 17.5 ล้านล้านดอลลาร์ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 15 มี.ค. โดยยอดเงินฝากที่ธนาคารขนาดเล็กนั้นร่วงลง 1.20 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่ยอดฝากของธนาคารขนาดใหญ่ที่สุด 25 แห่งเพิ่มขึ้นเกือบ 6.7 หมื่นล้านดอลลาร์

  • บริษัทเฟิร์สต์ ซิติเซนส์ แบงก์แชร์ (First Citizens BancShares) มีความคืบหน้าในการเจรจาซื้อกิจการธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) จากบรรษัทค้ำประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) โดยคาดว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถบรรลุข้อตกลงในเร็ว ๆ

  • ส่วนการปล่อยกู้โดยรวมของธนาคารสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 6.34 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 12.2 ล้านล้านดอลลาร์ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 15 มี.ค.

  • ทั้งนี้ ธนาคารในประเทศรายใหญ่ที่สุด 25 แห่งปล่อยกู้เป็นสัดส่วนราว 3 ใน 5 ขณะที่ธนาคารขนาดเล็กเป็นผู้ปล่อยกู้รายใหญ่ให้กับบางภาคธุรกิจที่สำคัญ อาทิ ภาคอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์

 

ซิตี้กรุ๊ป ยกให้จีนเป็นหลุมหลบภัยปีนี้

 

  • นักเศรษฐศาสตร์ของซิตี้กรุ๊ป (Citi) กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในภาคการธนาคารของสหรัฐและยุโรปเมื่อเร็ว ๆ นี้ ตอกย้ำว่าจีนคือ “ที่หลบภัยทางการเงิน” ในปีนี้

  • นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อจีนน้อยลงในปีที่ผ่านมา เนื่องจากนโยบายควบคุมโควิด-19 และความไม่แน่นอนของกฎระเบียบต่าง ๆ แต่ขณะนี้จีนได้ยกเลิกการควบคุมโรคโควิด-19 แล้ว และเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายจีนก็ได้ส่งสัญญาณด้านกฎระเบียบที่มีความชัด

“แนวโน้มของกิจกรรมเศรษฐกิจในจีนอาจกระเตื้องขึ้นเพิ่มเติม เนื่องจากยอดขายรถยนต์ที่ดีขึ้น และยอดขายอสังหาริมทรัพย์ก็มีเสถียรภาพมากขึ้น” นักเศรษฐศาสตร์ของซิตี้กล่าว

 

IMF คาดจีนเศรษฐกิจจีนโต 5.2%

 

  • นางคริสตาลินา กอร์เกียวา กรรมการจัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวสุนทรพจน์ในงานไชนา ดีเวลลอปเมนต์ ฟอรัม ที่กรุงปักกิ่งในวันอาทิตย์ (26 มี.ค.) ว่า เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มที่แข็งแกร่ง และจะเป็นแรงขับเคลื่อนหลักที่ทำให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว พร้อมกับเรียกร้องให้ทางการจีนเร่งสร้างสมดุลทางเศรษฐกิจโดยมุ่งเน้นการกระตุ้นการอุปโภคบริโภค

 

“การที่เศรษฐกิจจีนดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งนั้น ไม่เพียงแต่เป็นสิ่งที่สำคัญต่อจีนเองเท่านั้น แต่ยังสำคัญต่อเศรษฐกิจทั่วโลกด้วย การดีดตัวของเศรษฐกิจจีนจะช่วยหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกในอัตราส่วนสูงถึง 1 ใน 3 ในปี 2566 เราเชื่อว่าความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจจีนจะพยุงเศรษฐกิจโลกให้แข็งแกร่งขึ้นด้วย”นางกอร์เกียวากล่าว

 

  • ทั้งนี้ นางกอร์เกียวากล่าวว่า ขณะนี้ IMF คาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนจะขยายตัว 5.2% ในปี 2566 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับของปี 2565 ถึง 2 เท่า โดยเชื่อว่าเศรษฐกิจจีนจะได้แรงหนุนจากการอุปโภคบริโภคที่ฟื้นตัวหลังจากจีนเปิดประเทศและกิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ

  • อย่างไรก็ตาม IMF เตือนว่า ความเสี่ยงต่อความมั่นคงทางการเงินได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายระมัดระวัง โดยปีนี้จะเป็นปีที่ท้าทายอีกปี อันเป็นผลจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สงครามยูเครนและการขึ้นดอกเบี้ย

  • สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อจีนน้อยลงในปีที่ผ่านมา เนื่องจากนโยบายควบคุมโควิด-19 และความไม่แน่นอนของกฎระเบียบต่าง ๆ แต่ขณะนี้จีนได้ยกเลิกการควบคุมโรคโควิด-19 แล้ว และเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายจีนก็ได้ส่งสัญญาณด้านกฎระเบียบที่มีความชัด

 

“แนวโน้มของกิจกรรมเศรษฐกิจในจีนอาจกระเตื้องขึ้นเพิ่มเติม เนื่องจากยอดขายรถยนต์ที่ดีขึ้น และยอดขายอสังหาริมทรัพย์ก็มีเสถียรภาพมากขึ้น” นักเศรษฐศาสตร์ของซิตี้กล่าว

 

 

อ้างอิง : https://www.wsj.com/articles/deutsche-bank-stock-tumbles-on-contagion-fears-1250eb04

https://www.bloomberg.com/news/articles/2023-03-26/imf-chief-urges-china-to-rebalance-economy-toward-consumption

https://www.cnbc.com/2023/03/24/citi-china-is-relative-safe-haven.html

Infoquest



ติดตาม ทันข่าวToday ช่องทางอื่น ๆ

🔺 Website : https://www.thunkhaotoday.com/
🔺 Facebook : https://www.facebook.com/thunkhaotoday
🔺 Line Today : https://bit.ly/3ifSuDr
🔺 ติดต่อโฆษณา : https://line.me/ti/p/9mjGVL4nhC

ติดต่อโฆษณา!