08 กุมภาพันธ์ 2566
759

เงินเฟ้อสหรัฐฯ ชะลอตัวชัดเจน สัญญาณ Fed ผ่อนคันเร่งขึ้นดอกเบี้ย หุ้นโลกพุ่งรับข่าวถ้วนหน้า

เงินเฟ้อสหรัฐฯ ชะลอตัวชัดเจน  สัญญาณ Fed ผ่อนคันเร่งขึ้นดอกเบี้ย หุ้นโลกพุ่งรับข่าวถ้วนหน้า
Highlight

ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เผยเงินเฟ้อชะลอตัวลงอย่างชัดเจนในช้วงเดือนม.ค.ที่ผ่านมา แต่นายเจอโรม พาวเวล ประธานFed แสดงทรรศนะว่าการชะลอตัวอย่างยั่งยืนของเงินเฟ้อนั้นยังคงต้องใช้เวลาอีกนาน และในขณะนี้เพิ่งจะอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น นักวิเคราะห์ตีความว่า Fed ยังขึ้นดอกเบี้ยต่อไป แต่ผ่อนคันเร่งลง หุ้นโลกรับข่าวดีถ้วนหน้า ทั้งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยุโรปและเอเชีย ต่างปรับขึ้น คลายความกังวลในการขึ้นดอกเบี้ยในระดับสูงที่อาจซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจถดถอย


นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) กล่าวสุนทรพจน์ในงานเสวนาซึ่งจัดโดยสมาคมเศรษฐกิจแห่งวอชิงตัน (Economic Club of Washington) เมื่อคืนนี้ (7 ก.พ.) โดยมีประเด็นหลักๆ ดังนี้

  • "ภาวะเงินเฟ้อที่ลดลง (Disinflationary) ซึ่งเป็นกระบวนการที่จะนำไปสู่การชะลอตัวของเงินเฟ้อนั้น เริ่มปรากฏให้เห็นแล้ว โดยเฉพาะในภาคสินค้า (Goods Sector) อย่างไรก็ดี การชะลอตัวอย่างยั่งยืนของเงินเฟ้อนั้นยังคงต้องใช้เวลาอีกนาน และในขณะนี้เราเพิ่งจะอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น”

  • “ผมคาดว่า ปี 2566 จะเป็นปีที่เงินเฟ้อชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่งเกินคาดในเดือนม.ค.ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่เฟดจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป และผมมองว่าเฟดจำเป็นต้องตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับที่คุมเข้ม (Restrictive Level) เอาไว้อีกระยะหนึ่ง”

  • “นี่อาจเป็นครั้งแรกที่ผมจะพูดว่า ภาวะเงินเฟ้อที่ลดลงในสหรัฐฯ ได้เริ่มปรากฏให้เห็นแล้ว โดยนับจนถึงขณะนี้มาตรวัดเงินเฟ้อในด้านต่าง ๆ อยู่ในระดับที่ดีมาก แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะประกาศชัยชนะในการต่อสู้กับเงินเฟ้อ โดยเราเพิ่งจะอยู่ในช่วงเริ่มต้นของภาวะเงินเฟ้อที่ลดลง แต่ภารกิจการต่อสู้กับเงินเฟ้อยังไม่จบ” นายพาวเวลกล่าว

  • “หากตัวเลขจ้างงานยังคงออกมาแข็งแกร่งกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ เราก็มองว่าจำเป็นที่จะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก ส่วนกระบวนการที่เงินเฟ้อจะปรับตัวลงอย่างยั่งยืนนั้น ผมมองว่าอาจจะต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน และผมมองว่ากระบวนการดังกล่าวอาจจะไม่ราบรื่นนัก” นายพาวเวลกล่าวในงานเสวนา

  • Fed เปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.ของสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 517,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2565 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 187,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.4% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2512 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.6%

  • นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่า การแสดงความเห็นล่าสุดของนายพาวเวลไม่แตกต่างจากถ้อยแถลงในการประชุมนโยบายการเงินของเฟดเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยในเวลานั้น นายพาวเวลกล่าวว่า เงินเฟ้อในสหรัฐฯ เริ่มชะลอตัวลง และเขามองว่าภาวะเงินเฟ้อที่ลดลงในสหรัฐฯ เริ่มปรากฏให้เห็นแล้วในขณะนี้

  • บิล อดัมส์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Comerica กล่าวว่า “แม้ภาวะการซื้อขายในตลาดผันผวนในช่วงแรก แต่นักลงทุนก็ปรับตัวรับถ้อยแถลงของนายพาวเวล โดยเฉพาะความเห็นที่ว่าเงินเฟ้อเริ่มชะลอตัวลง ซึ่งนักลงทุนมองว่าเฟดกำลังส่งสัญญาณผ่อนคันเร่งในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ผมมองว่าแม้ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.ออกมาแข็งแกร่งเกินคาด แต่ก็ไม่ได้ทำให้การแสดงความเห็นของนายพาวเวลเปลี่ยนแปลงไปมากนักเมื่อเทียบกับการแถลงในการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 1 ก.พ. และสิ่งที่สำคัญก็คือ นายพาวเวลมีโอกาสที่จะใช้เวทีการเสวนาครั้งล่าสุดนี้เพื่อส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุก แต่เขาไม่ทำ”

  • นักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมเดือนพ.ค. แต่คาดว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็นครั้งแรกในการประชุมเดือนธ.ค.ปีนี้

  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันอังคาร (7 ก.พ.) หลังจากนักลงทุนปรับตัวรับถ้อยแถลงของ Fed ซึ่งระบุว่า เงินเฟ้อในสหรัฐเริ่มชะลอตัวลง แต่ตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดในเดือนม.ค.ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ Fed จะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป

    • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,156.69 จุด พุ่งขึ้น67 จุด หรือ +0.78%,
    • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,164.00 จุด เพิ่มขึ้น92 จุด หรือ +1.29% และ
    • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,113.79 จุด พุ่งขึ้น34 จุด หรือ +1.90%
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันอังคารปิดบวกเช่นเดียวกัน โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน แม้นักลงทุนมีความวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น

    • ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 458.19 จุด เพิ่มขึ้น 1.03 จุด หรือ +0.23%
    • ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,132.35 จุด ลดลง75 จุด หรือ -0.07%,
    • ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,320.88 จุด ลดลง03 จุด หรือ -0.16% และ
    • ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,864.71 จุด เพิ่มขึ้น00 จุด หรือ +0.36%

  • หุ้นกลุ่มพลังงานนำตลาดปรับตัวขึ้น โดยพุ่งขึ้น 3.0% หลังหุ้นบีพีทะยานขึ้น 8% จากการรายงานผลกำไรที่สูงเป็นประวัติการณ์ในปี 2565 และปรับเพิ่มเงินปันผล หุ้นกลุ่มธนาคาร พุ่งขึ้น 1.2% เนื่องจากหุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์ พุ่งขึ้น 2.6% หลังปรับเพิ่มเป้าหมายผลการดำเนินงานในปี 2568 และเปิดเผยรายได้ขยายตัวเกินคาด
  • ดัชนีนิกเกอิเปิดภาคเช้าที่ระดับ 27,690.74 จุด เพิ่มขึ้น 5.27 จุด หรือ +0.02%, ดัชนีฮั่งเส็งเปิดภาคเช้าที่ระดับ 21,283.90 จุด ลดลง 14.80 จุด หรือ -0.07% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,251.50 จุด เพิ่มขึ้น 3.41 จุด หรือ +0.10%

  • นักวิเคราะห์ฯ มองว่าตลาดหุ้นไทยเช้านี้ ฟื้นตัวตามตลาดภูมิภาค จากนักลงทุนตอบรับถ้อยแถลงประธาน Fed ที่ระบุว่าเงินเฟ้อได้ชะลอตัวลงต่อเนื่อง แต่ตัวเลขภาคแรงงานที่ออกมาแข็งแกร่ง ก็ยังมีความจำเป็นที่ Fed จะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวอ่อนค่าลงและหนุนให้ค่าเงินบาทพลิกมาแข็งค่าขึ้น SET Index เมื่อเวลา 10.52 น. อยู่ที่ 1,681.51 จุด +0.84 จุด (+0.05%) มูลค่าการซื้อขายรวม 1.66 หมื่นล้านบาท
  • นักวิเคราะห์จาก บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า Fed ก็ยังมีความจำเป็นจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อคุมเงินเฟ้อให้เข้าเป้า ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวอ่อนค่าลงและหนุนให้ค่าเงินบาทพลิกมาแข็งค่าขึ้น

  • ขณะที่ปัจจัยในประเทศเมื่อวานนี้ บมจ. เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ (KCE) รายงานผลประกอบการออก มาต่ำกว่าที่ตลาดคาดมาก โดยเฉพาะมาร์จิ้น ทำให้วันนี้อาจมีการตอบรับเชิงลบในตัวหุ้น เมื่อเวลา 10.55 น.(8 ก.พ.)ราคาหุ้น KCE เคลื่อนไหวอยู่ที่ 54.25 บาท -2.75 บาท (-4.82%) มูลค่าการซื้อขาย 1.77 พันล้านบาท สูงสุดเป็นลำดับหนึ่ง

  • ส่วนบมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) ผลประกอบการออกมาขาดทุน เป็นไปตามที่ตลาดคาด เนื่องด้วยธุรกิจจะคล้ายกับบมจ.ปูนซีเมนต์ไทย (SCC) ซึ่งก่อนหน้านี้ผลการดำเนินงานก็ออกมาค่อนข้างแย่ ทำให้ตลาดรับรู้ไปบ้างแล้ว

  • ประเด็นที่ยังต้องจับตา คือดูผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไทยที่จะทยอยออกมามากขึ้น ซึ่งโอกาสที่จะเห็นเซอร์ไพรส์เชิงลบยังมีอยู่ให้แนวรับที่ 1,675 จุด และแนวต้าน 1,695 จุด

ติดตาม ทันข่าวToday ช่องทางอื่น ๆ

🔺 Website : https://www.thunkhaotoday.com/
🔺 Facebook : https://www.facebook.com/thunkhaotoday
🔺 Line Today : https://bit.ly/3ifSuDr
🔺 ติดต่อโฆษณา : https://line.me/ti/p/9mjGVL4nhC

ติดต่อโฆษณา!