สหรัฐฯ กังวลรัสเซียซุ่มผลิตอาวุธชีวภาพทำลายล้างยูเครน

สหรัฐฯ กังวลรัสเซียซุ่มผลิตอาวุธชีวภาพทำลายล้างยูเครน
Highlight

สหรัฐฯ แสดงความกังวลว่ารัสเซียอาจจะกำลังพัฒนาอาวุธชีวภาพอยู่ เพื่อใช้ทำลายล้างยูเครน โดยก่อนหน้ารัสเซียได้กล่าวหาสหรัฐฯ ว่ากำลังพัฒนาอาวุธชีวภาพร่วมกับยูเครน โดยสหรัฐฯ กล่าวหารัสเซียกลับว่า รัสเซียใช้ข้อมูลอันเป็นเท็จอาจเป็นการปกปิดความจริงว่า รัสเซียเองที่เป็นฝ่ายพัฒนาอาวุธอันตรายจากโรคติดเชื้อซึ่งอาจทำให้เกิดโรคระบาดร้ายแรงได้

นางบอนนี เจนกินส์ ปลัดสำนักงานควบคุมอาวุธและความมั่นคงระหว่างประเทศ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯแสดงความกังวลว่า นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย อาจใช้อาวุธชีวภาพในการรุกรานยูเครน

นางเจนกินส์ซึ่งอยู่ในระหว่างปฏิบัติภารกิจเรื่องอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมอาวุธชีวภาพ ณ นครเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาสหรัฐฯกังวลเรื่องอาวุธชีวภาพของรัสเซียมาโดยตลอด กระทั่งล่าสุดความกังวลเรื่องนี้เพิ่มขึ้น หลังจากที่รัสเซียกล่าวโจมตีสหรัฐฯว่ากำลังพัฒนาอาวุธชีวภาพในยูเครน ซึ่งการกล่าวหาด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จนี้อาจเป็นการปกปิดความจริงว่า รัสเซียเองที่เป็นฝ่ายพัฒนาอาวุธอันตรายจากโรคติดเชื้อซึ่งอาจทำให้เกิดโรคระบาดได้

นางเจนกินส์กล่าวว่า ตราบใดที่รัสเซียยังคงโจมตียูเครนและปล่อยข่าวลือเช่นนี้อยู่เรื่อย ๆ ดังนั้นก็มีความเป็นไปได้ว่า รัสเซียอาจจะใช้อาวุธชีวภาพจริง และปล่อยข่าวเท็จเพื่อปิดบังความจริง

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา สำนักงานควบคุมอาวุธและความมั่นคงระหว่างประเทศของสหรัฐฯ เปิดเผยรายงานระบุว่า สหรัฐฯ คาดการณ์ว่ารัสเซียยังคงดำเนินการโครงการพัฒนาอาวุธชีวภาพซึ่งละเมิดสนธิสัญญาการปลดอาวุธ และรายงานยังได้บ่งชี้ถึงการละเมิดสนธิสัญญาของรัสเซียที่เคยตรวจพบก่อนหน้านี้ พร้อมทั้งระบุว่าข่าวกรองเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวนั้นยังคงเป็นความลับ

เรื่องอาวุธชีวภาพ ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นสงครามวาทะอีกครั้ง หลังเงียบหายไปพักใหญ่ โดยในเดือนมี.ค-เม.ย. 65 ที่ผ่านมา ฝ่ายรัสเซียถูกกล่าวหาว่า ซุ่มพัฒนาอาวุธเคมี และอาจนำอาวุธเคมีมาทำลายล้างยูเครน ด้านยูเครนก็ถูกกล่าวหาว่า กำลังผลิตอาวุธชีวภาพ

ในครั้งนั้นผู้นำยูเครนปฏิเสธข้อกล่าวหาที่รัสเซียอ้างว่าได้ร่วมกับสหรัฐฯ พัฒนาอาวุธชีวภาพ ขณะที่สหรัฐฯ เตือนรัสเซียถึงการใช้อาวุธเคมีโจมตีพลเรือนว่าเป็นการก่ออาชญากรรมสงคราม

สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานเมื่อ 11 มี.ค. ว่า โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน แถลงปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องโครงการอาวุธชีวภาพ หลังจากรัสเซียออกมาเปิดเผยว่า สหรัฐฯ กับยูเครนกำลังร่วมมือกันพัฒนาโครงการดังกล่าว

ผู้นำยูเครน ระบุว่า การที่รัสเซียออกมาตั้งข้อกล่าวหาในลักษณะนี้ เพราะกำลังเตรียมการใช้อาวุธชีวภาพโจมตียูเครน ขณะที่กระทรวงกลาโหมรัสเซีย แถลงกล่าวหาสหรัฐฯ ว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังโครงการอาวุธชีวภาพของยูเครน โดยระบุว่าสหรัฐฯ กับชาติพันธมิตรต้องการพัฒนาสารชีวภาพ เพื่อใช้ในการโจมตีกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ โดยยังไม่ระบุว่าเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ใดบ้าง

นอกจากนี้ รัสเซียยังเรียกร้องให้องค์การสหประชาชาติจัดการประชุมฉุกเฉิน เพื่อหารือเกี่ยวกับโครงการชีววิทยาทางการทหารของยูเครนที่สหรัฐฯ กำลังให้การช่วยเหลือ แม้ยังไม่มีหลักฐานระบุว่าโครงการดังกล่าวมีอยู่จริงหรือไม่

ขณะที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกมาเตือนรัสเซียถึงการใช้อาวุธเคมีโจมตียูเครน ว่า รัฐบาลรัสเซียเคยมีประวัติการใช้อาวุธเคมีประทุษร้ายพลเรือนของตัวเอง และนอกจากนี้การโจมตีพลเรือนโดยเจตนาของรัสเซียในยูเครน ยังถือเป็นการก่ออาชญากรรมสงครามภายใต้อนุสัญญาเจนีวาด้วย

มหันตภัยจากอาวุธเคมี และชีวภาพ

อาวุธมหันตภัยร้ายแรงต้องห้าม ตามอนุสัญญาระหว่างประเทศมี 3 ชนิด อาวุธนิวเคลียร์ อาวุธเคมี และอาวุธชีวภาพ เพราะมีอานุภาพทำลายล้างสูงในการพิฆาตมนุษยชาติให้บาดเจ็บล้มตายภายในพริบตา และมีหลายประเทศแอบผลิตและซุกซ่อนเก็บไว้ โดยเฉพาะอาวุธชีวภาพ หรืออาวุธเชื้อโรค มีความน่ากลัวกว่าหลายเท่าในการแพร่กระจายรวดเร็ว จนคนเจ็บป่วย และล้มตายมหาศาลอย่างทรมาน ซึ่งไม่มีวัคซีนและยารักษา ที่ผ่านมาคาดการณ์กันว่ามีการใช้อาวุธเคมี ในสงครามกลางเมืองซีเรีย ทำให้ผู้คนล้มตายจำนวนมาก

การใช้อาวุธชีวภาพในสงคราม ประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้ มีมาตั้งแต่อดีต และนานาชาติพยายามควบคุม โดยทําอนุสัญญาห้ามอาวุธชีวภาพ เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2518 แต่มีบางประเทศยังฝ่าฝืน นำเชื้อโรคที่หาได้ไม่ยากเพราะเลี้ยงง่าย มีต้นทุนต่ำ มาทำเป็นอาวุธชีวภาพ ก่อให้เกิดโรครุนแรง สามารถแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้

ติดต่อโฆษณา!