เจพีมอร์แกน ชี้ปัญหาการเมืองโลก น่าห่วงกว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ถดถอย

เจพีมอร์แกน ชี้ปัญหาการเมืองโลก น่าห่วงกว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ถดถอย
Highlight

นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีหน้า  และจะมีหลายประเทศกำลังพัฒนาที่เข้าสู่ภาวะวิกฤตเศรษฐกิจการเงิน  ซึ่งพอจะคาดเดาได้ล่วงหน้า แต่สำหรับสถานการณ์การเมืองที่มีความตึงเครียดและมีความซับซ้อนเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยากว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันข้างหน้าทั้ง รัสเซีย ยูเครน สหรัฐฯ เกาหลีเหนือ จีน ไต้หวัน รวมทั้งพันธมิตรของแต่ละฝ่าย นอกจากนี้การชุมประท้วงที่เกิดจากปัญหาเศรษฐกิจและพลังงานจะมีเพิ่มขึ้นในประเทศฝั่งประเทศตะวันตก ทำให้การเมืองในประเทศสั่นคลอนอีกด้วย


นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจพีมอร์แกน เชสได้ออกมาให้ความเห็นว่า ปัญหาการเมืองของโลกในปัจจุบันนั้นน่าเป็นห่วงยิ่งกว่าความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นในการประชุมที่กรุงริยาดเมื่อวานนี้ โดยนายไดมอนระบุว่า ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐและจีน และความสัมพันธ์ของโลกตะวันตกในวงกว้างนั้น น่าเป็นห่วงมากกว่าความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ

ก่อนหน้านี้ นายไดมอนมองว่า เศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอยในกลางปีหน้า โดยได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ, การดีดตัวของอัตราดอกเบี้ย และการที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน

สำหรับสถานการณ์ขัดแย้งระหว่างประเทศนั้น ยังคงเป็นไปด้วยความเข้มข้น และคาดเดาทิศทางได้ยาก ทั้งรัสเซีย-ยูเครน และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่เกาหลีเหนือยังคงเตรียมพร้อมทบสอบนิวเคลียร์ต่อเนื่อง รวมทั้งนโยบายจีนเดียว ที่มีแผนรวมชาติไต้หวันเข้ามาในอนาคต

สหรัฐฯ เตือนรัสเซียมหัตภัยจะตามมาหากใช้นิวเคลียร์

สหรัฐฯ ออกมาเตือนรัสเซียให้ระวังผลที่จะตามมา หากรัสเซียตัดสินใจใช้ “ระเบิดกัมมันตรังสี” ซึ่งเป็นระเบิดที่ปนเปื้อนกัมมันตรังสี หรืออาวุธนิวเคลียร์ใด ๆ ต่อยูเครน โดยสหรัฐกังวลว่ารัสเซียอาจพยายามทำให้สงครามรุนแรงขึ้นอีก ด้วยการกล่าวหาเท็จว่ายูเครนกระทำการยั่วยุ

ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นายเซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย ได้ติดต่อกับรัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐ อังกฤษ และฝรั่งเศส เพื่อหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ยูเครนจะใช้ระเบิดกัมมันตรังสี ซึ่งเป็นคำกล่าวอ้างที่ทั้ง 3 ประเทศต่างปฏิเสธ

ในแถลงการณ์ร่วมที่เปิดเผยในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังการพูดคุยทางโทรศัพท์กับนายชอยกู ทั้ง 3 ประเทศระบุว่า “ประเทศของเราแสดงความชัดเจนว่า เราทั้งหมดปฏิเสธข้อกล่าวหาที่บิดเบือนของรัสเซียว่ายูเครนกำลังเตรียมใช้ระเบิดกัมมันตรังสีในดินแดนตัวเอง”

สำนักข่าวทาสส์ของรัสเซียรายงานว่า นางมาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย เปิดเผยในวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ยูเครนกำลังพยายามจัดฉาก “ยั่วยุอย่างน่ากลัว” ด้วยการใช้ “ระเบิดที่มีสารกัมมันตภาพรังสี” เพื่อกล่าวหาว่ารัสเซียใช้อาวุธดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม นายเน็ด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐเปิดเผยว่า “รัสเซียจะเผชิญกับผลที่ตามมา ไม่ว่าจะใช้ระเบิดกัมมันตรังสีหรือระเบิดนิวเคลียร์ก็ตาม” ขณะที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่ารัสเซียอาจใช้ปฏิบัติการข่าวปลอมที่เกี่ยวข้องกับระเบิดกัมมันตรังสี เพื่อใช้เรื่องดังกล่าวเป็นข้ออ้างในการยกระดับการทำสงคราม

เกาหลีเหนือเตรียมทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 7

ประธานาธิบดียุน ซอกยอล ผู้นำเกาหลีใต้ เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า เกาหลีเหนือเตรียมการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 7 เสร็จแล้ว ขณะที่เกาหลีใต้ยังคงเฝ้าระวังการยั่วยุจากเกาหลีเหนือ

ประธานาธิบดียุน กล่าวว่า ดูเหมือนเกาหลีเหนือจะเสร็จสิ้นการเตรียมการทดสอบนิวเคลียร์แล้ว โดยถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่รัฐสภา ท่ามกลางความกังวลว่าเกาหลีเหนือจะทำการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2560 ในเร็ววันนี้

ปธน.ยุนวิพากษ์วิจารณ์การทดสอบขีปนาวุธทิ้งตัวครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือว่า เป็นการละเมิดมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) อย่างรุนแรงที่สุด โดยนับตั้งแต่ต้นปี 2565 เกาหลีเหนือทำการทดสอบขีปนาวุธไปแล้ว 27 ครั้ง

นอกจากนี้ ปธน.ยุนอธิบายด้วยว่า การยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือเป็น “การโจมตีซึ่งหน้า” ต่อประชาคมโลก โดยให้คำมั่นว่าเกาหลีใต้และสหรัฐจะยกระดับความร่วมมือเพื่อตอบโต้ภัยคุกคามจากโครงการพัฒนานิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลียังคงสูงอยู่ โดยเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้มีการยิงเตือนโต้ตอบกันตามแนวพรมแดนทางทะเลในทะเลเหลือง (Yellow Sea) เมื่อเช้าวันจันทร์ (24 ต.ค.)

สหรัฐฯ จวกอิหร่านทำผิดพลาดครั้งใหญ่ในการส่งโดรนให้กับรัสเซีย

นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เปิดเผยว่า อิหร่านกำลังทำให้ทั่วโลกรู้สึกไม่ปลอดภัยมากขึ้น ด้วยการส่งโดรนให้กับรัสเซียเพื่อใช้ในการโจมตียูเครน

นางเพโลซีกล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ภายหลังจากพบปะกับนายอังเดรจ์ เพลนโควิช นายกรัฐมนตรีโครเอเชียว่า “ดิฉันคิดว่าอิหร่านกำลังทำผิดพลาดครั้งใหญ่” พร้อมระบุเสริมว่า “ประการแรก เราต้องสามารถป้องกันโดรนเหล่านั้นให้ได้ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่อันตรายและต้องถูกยับยั้ง”

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นางเพโลซีเดินทางถึงเมืองซาเกร็บเมื่อวันจันทร์ (24 ต.ค.) เพื่อเข้าร่วมการประชุมที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนเอกราชของยูเครน และคืนคาบสมุทรไครเมียให้แก่ยูเครน

นางเพโลซีกล่าวว่า “เราได้พยายามมาระยะหนึ่งแล้วที่จะจัดทำข้อตกลงด้านนิวเคลียร์กับอิหร่าน เพื่อทำให้โลกนี้ปลอดภัยขึ้น แต่ตอนนี้พวกเขากลับช่วยเหลือรัสเซียและทำให้โลกปลอดภัยน้อยลง”

นางเพโลซี ซึ่งเดินทางเยือนยูเครนเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เป็นผู้สนับสนุนหลักในการให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน นับตั้งแต่รัสเซียบุกโจมตียูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ.

ทั้งนี้ การประชุมสุดยอดแพลตฟอร์มไครเมีย (Crimea Platform Summit) ซึ่งจัดขึ้น ณ เมืองซาเกร็บ เมืองหลวงของโครเอเชีย จะมุ่งรับฟังความคิดเห็นจากเจ้าหน้าที่รัฐบาลยูเครนและผู้เชี่ยวชาญภายนอกที่มุ่งเน้นการคืนไครเมียให้แก่ยูเครน หลังจากรัสเซียผนวกคาบสมุทรไครเมียจากยูเครนในปี 2557

ชาวเยอรมันประท้วงวิกฤตพลังงาน

ชาวเยอรมันจำนวนมากได้ออกมาเดินขบวนประท้วงตามท้องถนน เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาวิกฤตพลังงาน ชี้มาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐไม่เป็นธรรม

แฟรงค์ เวอร์เนเก ประธานยูไนเต็ด เซอร์วิส เทรด กล่าวว่า รัฐบาลควรให้การสนับสนุนกับประชาชนที่มีรายได้ต่ำหรือปานกลางมากกว่านี้ เพราะแผนการช่วยเหลือของรัฐบาลนั้น ไม่ได้ช่วยให้ประชาชนที่มีรายได้ต่ำลดภาระที่สูงขึ้นได้

เยอรมนีต้องเผชิญกับสถานการณ์เงินเฟ้อที่สูงแตะระดับสูงที่สุดเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากต้นทุนด้านพลังงานที่สูงขึ้น และยังได้กำหนดเพดานราคาไฟฟ้า

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา รัฐสภาเยอรมันได้อนุมัติงบประมาณช่วยเหลือวงเงิน 1,95 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยเหลือภาคครัวเรือนและธุรกิจขนาดกลาลและขนาดย่อมจ่ายค่าก๊าซ

ตำรวจได้ประเมินว่า การประท้วงที่เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา มีผู้เข้าร่วมการประท้วงประมาณ 24,000 รายในเมืองต่าง ๆ ขณะที่ในกรุงเบอร์ลินเองมีผู้ประท้วงประมาณ 1,800 ราย

ที่มา : รอยเตอร์, BBC

ติดต่อโฆษณา!