4 เทรนด์การทำงานยอดฮิตของคนรุ่นใหม่ Work and Lifestyle ที่เปลี่ยนไปหลังยุคโควิด

4 เทรนด์การทำงานยอดฮิตของคนรุ่นใหม่ Work and Lifestyle ที่เปลี่ยนไปหลังยุคโควิด
Highlight

ผลสำรวจพนักงานกว่า 30,000 คนจากทั่วโลกโดย Microsoft พบว่าคนรุ่นใหม่ไม่อยากกลับไปทำงานในออฟฟิศอีกแล้ว บางคนถึงกับเลือกลาออกไป เพราะกลุ่มคนรุ่นใหม่มองหาความสุขในการทำงานมากขึ้น อีกทั้งยังต้องการเปลี่ยนบรรยากาศในที่ทำงาน และมีเหตุผลอื่นๆ อีกมากมาย โดยเทรนด์สุดฮิตในการทำงานในยุค Now Normal ประกอบด้วย Work Form Home, Hybrid Working, Workcation และ Digital Nomad


New normal ในวันนั้น สู่ Now normal ในวันนี้ ต้องยอมรับว่าเปลี่ยนวิธีการทำงานของเราไปมาก ๆ โดยเฉพาะกับเหล่ากลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการทำงานที่มีความหลากหลาย และต้องการเวลาให้กับตัวเองมากขึ้น

จากผลสำรวจเทรนด์การทำงานจาก Microsoft ที่สำรวจพนักงานกว่า 30,000 คน จาก 31 ประเทศ ได้ผลลัพธ์ คือ มากถึง 73% ของกลุ่มพนักงานคนรุ่นใหม่ที่ไม่อยากกลับไปทำงานในออฟฟิศอีก หรือบางคนยังคงรับได้กับการเข้าออฟฟิศแต่ก็ต้องสลับกับการทำงานที่บ้านวนไป มีเพียงบางคนที่ยอมลาออกหากต้องกลับไปทำงานออฟฟิศแบบเต็ม 100%

และไม่ใช่เพียงเหตุการณ์ทำงานในออฟฟิศเท่านั้นที่ทำให้เกิดเทรนด์การทำงานต่าง ๆ เปลี่ยนไป เพราะกลุ่มคนรุ่นใหม่มองหาความสุขในการทำงานมากขึ้น อีกทั้งยังต้องการเปลี่ยนบรรยากาศในที่ทำงาน และมีเหตุผลอื่น ๆ อีกมากมาย เมื่อเราลองนำหลาย ๆ เหตุผลมาประกอบรวมกันแล้ว ก็เกิดเป็น 4 เทรนด์การทำงานแบบใหม่ที่ใคร ๆ ก็ต้องการ แล้วรูปแบบการทำงานเหล่านั้นมีอะไรบ้าง? ไปดูกันเลย

4 เทรนด์การทำงานแบบใหม่ในปัจจุบันมีอะไรบ้าง?

Work Form Home

เราทุกคนคงคุ้นเคยกันดียิ่งในช่วงที่เราต้องเผชิญกับวิกฤตโรคระบาดจากเชื้อไวรัสโควิด 19 ที่ทำให้การเดินทางต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันต้องหยุดชะงัก เก็บตัว และกักตัวอยู่บ้านกันมากขั้น เมื่อเรื่องเป็นแบบนี้การทำงานที่บ้านอาจเป็นทางออกของทุก ๆ คน ซึ่ง Work Form Home จะเป็นการทำงานที่บ้าน 100% โดยไม่เข้าออฟฟิศ

จากเดิมที่เราอาจไม่เคยทำงานผ่านรูปแบบออนไลน์มากสักเท่าไหร่ เน้นการพบเจอ แต่เมื่อต้องทำงานที่บ้านการทำงานในรูปแบบออนไลน์จึงจำเป็นมากขึ้น เพราะหลาย ๆ องค์กรหรือบริษัทต่าง ๆ ต้องปรับตัวให้ทำงานผ่านโลกออนไลน์ได้สะดวก

ไม่เพียงแต่การทำงานเท่านั้น เพราะยังถูกนำมาใช้กับเด็กนักเรียนนักศึกษา ที่ไม่สามารถไปโรงเรียนได้เช่นกัน ในปัจจุบันการทำงานที่บ้านก็ยังคงมีอยู่บ้าง และบางองค์กรก็ยังคง Work Form Home 100% อยู่อาจเป็นเพราะชินกับการทำงานในรูปแบบนี้กันไปแล้วก็ได้

Hybrid Working

การทำงานที่บ้านสลับกับการทำงานที่ออฟฟิศ ซึ่งในปัจจุบันหลาย ๆ บริษัท หรือองค์กรต่าง ๆ นิยมใช้รูปแบบการทำงานแบบ Hybrid Working เป็นอย่างมาก เพราะการทำงานในรูปแบบนี้จะทำให้คนในองค์กรยังคงได้เจอหน้าพบปะ พูดคุยกันบ้าง สร้างมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงาน ซึ่งจะส่งผลให้งานที่ทำอยู่ไหลลื่นมากขึ้น และสลับกับการทำงานที่บ้านที่ช่วยเสริมสมาธิในการทำงานได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งจะช่วยให้พนักงานไม่ต้องเสียเงินค่าเดินทางมาออฟฟิศทุกวัน และมี Work-Life Balance ที่ดีมากขึ้น จึงกลายเป็นเทรนด์การทำงานแบบใหม่ที่ตอบโจทย์คนทุกรุ่น

ไม่เพียงแต่เท่านี้เพราะเรามีทริคที่จะช่วยให้การทำงานที่บ้านของทุก ๆ คนสะดวกมากขึ้นเริ่มจาก

  • ทำ To do list ไปพร้อม ๆ กับการกำหนด Deadline ให้ชัดเจน
  • หากเราสามารถลิสต์งานที่เราจำเป็นต้องทำ เรียงลำดับความสำคัญ ความต้องการก่อนหลังได้ รวมไปถึงระบุวันส่งให้ชัดเจนเพื่อที่ตัวเราเองจะได้เสร็จงานตามกำหนด และเสริมการสร้างวินัยการทำงานให้เรา ในปัจจุบันมีแอปพลิเคชันที่ช่วยทำ To do list ให้ง่าย และสะดวกสบายมากขึ้น เช่น Notion แอปฯใช้ในการจดโน้ต จดบันทึกต่าง ๆ , MindNode แอปฯช่วยจัดลำดับความสำคัญ, Pocket แอปฯจัดเก็บข้อมูล เก็บข่าวสารต่าง ๆ ไว้อ่านทีหลัง
  • สร้างช่องทางติดต่อให้ชัดเจน หากเราทำงานที่บ้านแล้ว เราก็จำเป็นที่จะต้องมีช่องทางติดต่อที่เราสามารถตอบรับได้เร็วเพื่อที่ไม่ให้งานของเราสะดุด หรือหากมีเหตุฉุกเฉินเราก็สามารถติดต่อเพื่อนร่วมงานผ่านช่องทางนี้ได้ เช่น การทำงานผ่านไลน์ ที่สามารถทั้งแชทและติดต่อได้ในระยะเวลาปกติ เร่งด่วน
  • ใช้แอปพลิเคชันต่าง ๆ ช่วยในการจัดการ Project หากเราทำงานเป็นทีม ความคืบหน้าของงานแต่ละคนเป็นสิ่งสำคัญ เราจำเป็นที่จะต้องรับรู้ถึงความคืบหน้าของ Project โดยเราอาจจะนำแอปพลิเคชันอย่าง Trello, Asana มาทดลองใช้เพื่อที่จะทำให้ Project งานของเราลื่นไหลขึ้น

การทำงานแบบ Workcation

เมื่อเรานำ Work ที่มาจากคำว่าการทำงาน มารวมเข้ากับ Vacation ที่แปลว่าท่องเที่ยวแล้ว ก็จะกลายเป็น Workcation การทำงานที่สามารถทำไปพร้อม ๆ กับเที่ยวด้วยนั่นเอง ซึ่งรูปแบบการทำงานนี้จะนิยมมากโดยเฉพาะกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ เพราะแน่นอนว่าด้วยความที่เราสามารถทำงานที่ไหนก็ได้จึงทำให้เราสามารถเลือกสถานที่พักร้อนไปพร้อม ๆ กับการทำงานได้ ยกตัวอย่างเช่น หากเราต้องการไปเที่ยวทะเลในช่วงวันหยุดยาว ก่อนวันหยุดยาวเราก็เลือกที่จะจองโรงแรมไว้ก่อนหยุดยาว พกงานไปทำด้วยชิลล์ ๆ เปลี่ยนบรรยากาศทำงานใหม่ แต่เราก็อย่าลืมเลือกสถานที่ที่มีอินเทอร์เน็ตด้วยนะ

สำหรับใครที่ยังไม่รู้ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทยเราอย่าง เกาะพะงัน ได้รับให้เป็นอันดับ 1 แห่ง workcation โลกเลยทีเดียว

Digital Nomad

การทำงานที่ไหนก็ได้ไม่มีที่ตายตัว ขอเพียงแค่มีอินเทอร์เน็ตเท่านั้น โดยการทำงานในรูปแบบนี้หลาย ๆ คนเข้าใจว่าเหมือนกับ Workcation แต่จริง ๆ แล้วมีความต่างตรงที่ Digital Nomad เองเน้นการทำงานที่ไม่มีออฟฟิศหลัก ๆ ให้เราต้องเข้า หรือเน้นการทำงานแบบฟรีแลนซ์ที่เราเป็นเจ้านายตัวเอง และสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ทั่วโลกแต่ต้องมีอินเทอร์เน็ต กำหนดเวลาที่ตรงกับการประชุม ซึ่งการที่เราเป็น Digital Nomad อาจทำให้เราไม่จำเป็นที่จะต้องเจอหน้ากับนายจ้าง หรือเจ้านายของเราเลยก็ย่อมได้ นอกเสียจากการประชุมผ่านออนไลน์ที่ต้องเปิดกล้องเพียงเท่านั้น

ซึ่งสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับเทรนด์การทำงานทั้ง 2 แบบนี้ คือเรื่องของ Work-Life Balance เราจึงหยิบทริคการทำงานที่ไม่ทำให้ Work-Life Balance ของเราเสียมาแนะนำกันอีกด้วย

ทำงานไปเที่ยวไปอย่างไร? ให้ Work-Life Balance ของเราไม่เสีย

  • แพลนงานให้ดีก่อนเลือกสถานที่
  • เราจำเป็นที่จะต้องแพลนงานของเราให้ดี และไม่หนักจนเกินไปเพื่อไม่ให้กระทบการท่องเที่ยว และเวลาพักผ่อนของเรา เราขอแนะนำว่าให้เคลียร์งานที่หนัก และทำงานที่ยากให้หมดเสียก่อนเลือกสถานที่ท่องเที่ยว
  • กำหนดเวลาทำงานอย่างชัดเจน
  • หากเราทำงานที่บ้านต้องมีใครหลาย ๆ คนเป็นเหมือนกันแน่ ๆ ที่เราจะทำงานล่วงเวลา เลยเวลา ซึ่งหากเราทำงานอยู่ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ หมดเวลางานแล้วเราก็ควรเก็บเพื่อที่จะได้ชาร์จแบตชาร์จพลังความสุขของเราให้เต็มที่
  • หยุดตอบเรื่องการทำงานในขณะที่กำลังพักผ่อน
  • ทำงานมาหนัก ๆ ร่างกายของเราทุกคนสมควรที่จะได้พัก เราก็ควรที่จะพักให้เต็มที่และไม่ควรตอบคำถามเรื่องการทำงานขณะพักผ่อน ไม่เพียงแต่เราเท่านั้นที่เสียบรรยากาศ คนข้าง ๆ ของเราอาจจะเสียบรรยากาศไปด้วย เราหันมาโฟกัสความสุขตรงหน้ากันคงดีกว่า

นี่ก็เป็น 4 เทรนด์การทำงานที่กำลังเป็นที่นิยมในยุคหลังโควิด ที่แนะนำพร้อมทริคดี ๆ ท้ายที่สุดแล้วทุกคนสามารถเลือกเทรนด์ทำงานที่ใช่ มาพร้อมงานที่ชอบ และหวังให้ทุก ๆ คนมีความสุขในการทำงานเสมอ


ที่มา : ธนาคารกรุงศรีฯ,  Krungsri Plearn Plearn

ติดต่อโฆษณา!