ฮ่องกงเตรียมเปิดประเทศ เลิกคุมเข้มโควิดเป็นศูนย์ หลังคุมเข้มนานส่งผลกระทบต่อการเป็นศูนย์กลางการเงินและธุรกิจ

ฮ่องกงเตรียมเปิดประเทศ เลิกคุมเข้มโควิดเป็นศูนย์ หลังคุมเข้มนานส่งผลกระทบต่อการเป็นศูนย์กลางการเงินและธุรกิจ
Highlight

ฮ่องกงเป็นศูนย์กลางการเงินและเศรษฐกิจที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก แต่การคุมเข้มตามนโยบาย "โควิดเป็นศูนย์" ของรัฐบาลกรุงปักกิ่ง ทำให้ฮ่องกงต้องปิดประเทศยาวนานกว่า 2 ปี แต่สถิติชี้ว่า มีชาวฮ่องกงอพยพออกไปแล้วราว 113,000 คน สายการบินต่างๆ ยกเลิกเที่ยวบินเข้า-ออกจากฮ่องกง ในขณะที่ สิงคโปร์ได้กลายมาเป็นศูนย์กลางทางการเงินแทน รวมทั้งยังเป็นเจ้าภาพจัดงานระดับโลกต่าง ๆ มากขึ้น ฮ่องกงพยายามทวงคืนการเป็นศูนย์กลางทางการเงินอีกครั้ง ในขณะที่ประเทศอื่นรวมทั้งไทยปลดล็อกการเดินทางมาระยะหนึ่งแล้ว



ทางการฮ่องกงกล่าวในวันอังคารว่า เตรียมประกาศแนวทางใหม่สำหรับผู้ที่เดินทางเข้าประเทศ โดยจะมีการเปิดประเทศมากขึ้นอย่างเป็นระบบ หลังจากที่ถูกวิจารณ์เรื่องการคุมเข้มตามนโยบาย "โควิดเป็นศูนย์" ของรัฐบาลกรุงปักกิ่ง

ผู้นำฮ่องกง จอห์น ลี กล่าวว่า ฮ่องกงจำเป็นต้องรักษาศักยภาพในการแข่งขัน และต้องนำกิจกรรมและการจัดงานต่าง ๆ เข้ามายังฮ่องกง ในขณะเดียวกันก็ไม่ต้องการให้เกิดความวุ่นวายด้านสาธารณสุขขึ้นเช่นกัน

ปัจจุบัน ฮ่องกงยังคงเป็นเพียงไม่กี่ดินแดนในโลกที่ยังกำหนดให้ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศต้องเข้ารับการกักตัวในโรงแรม แม้ว่าจะมีการผ่อนปรนระยะเวลาการกักตัวลงมาอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้ผู้ที่จะเดินทางเข้าไปฮ่องกงยังต้องกักตัวเป็นเวลา 3 วัน และเฝ้าดูอาการอีก 4 วันหลังจากนั้น

หนังสือพิมพ์ South China Morning Post รายงานว่า ภายใต้นโยบายใหม่ ผู้ที่ไปจากต่างประเทศจะไม่ต้องกักตัวอีกต่อไป แต่จะใช้วิธีเฝ้าดูอาการด้วยตัวเองเป็นเวลา 7 วัน โดยต้องตรวจโควิดเองทุกวันและเดินทางไปได้ในสถานที่จำกัด

สื่อฮ่องกงคาดว่า จะมีการประกาศนโยบายใหม่ในสัปดาห์นี้

ที่ผ่านมา ประชาชน นักธุรกิจและนักการทูตต่างวิจารณ์นโยบายของฮ่องกงที่ให้กักตัวในโรงแรมซึ่งใช้มาตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2020 รวมทั้งการคุมเข้มต่าง ๆ โดยบอกว่าเป็นการคุกคามสถานะศูนย์กลางทางการเงินโลก

นโยบายที่เข้มงวดดังกล่าวยังทำให้ประชาชนจำนวนมากตัดสินใจเดินทางออกจากฮ่องกงไปอาศัยที่ประเทศอื่น โดยสถิติชี้ว่าตั้งแต่กลางปีที่แล้ว มีชาวฮ่องกงอพยพออกไปแล้วราว 113,000 คน นอกจากนั้น สายการบินจำนวนมากยังตัดสินใจยกเลิกเที่ยวบินเข้า-ออกจากฮ่องกงด้วย

ในทางกลับกัน สิงคโปร์ได้กลายมาเป็นศูนย์กลางทางการเงินแทน รวมทั้งยังเป็นเจ้าภาพจัดงานระดับโลกต่าง ๆ มากขึ้นในช่วงที่ผ่านมาแทนฮ่องกง ทำให้ผู้บริหารของฮ่องกงต้องหันมาปรับนโยบายด้านโควิดของตนเอง เพื่อดึงดูดภาคธุรกิจให้กลับมาเช่นเดิม

สิงคโปร์ไม่กักตัวเพียงฉีดวัคซีนครบโดสเข้าประเทศได้ตั้งแต่ 26 เม.ย. และล่าสุด กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ แถลงว่า สิงคโปร์ อนุญาตให้นักเดินทางที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนสามารถเดินทางเข้าสิงคโปร์ได้โดยไม่ต้องกักตัว เริ่มตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา  นอกจากนี้ รัฐบาลสิงคโปร์ จะยกเลิกข้อกำหนดการสวมหน้ากากอนามัยในอาคารตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค.เช่นกัน ยกเว้นเมื่อใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะ และพื้นที่เสี่ยงสูง เช่น สถานพยาบาล ซึ่งยังต้องสวมหน้ากากอนามัย

ส่วนญี่ปุ่นนั้นก็ปลดล็อกการท่องเที่ยวเช่นกัน ตั้งแต่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา เพียงฉีดวัคซีนครบ 3 เข็มไม่ต้องตรวจ RT-PCR ก่อนเข้าประเทศ 72 ชั่วโมง ต้องซื้อแพ็กเกจทัวร์ แต่ไม่ต้องมีไกด์และเจ้าหน้าที่จากบริษัททัวร์ในญี่ปุ่นร่วมเดินทางในทริปเหมือนที่ผ่านมา ต้องมีแผนการเดินทางที่ชัดเจน ได้แก่ ไป-กลับวันไหน ไปเที่ยวพื้นที่ไหนบ้าง ใช้การเดินทางรูปแบบใด เช่น รถไฟ หรือเช่ารถขับเอง พักที่โรงแรมไหน พร้อมส่งข้อมูลการจองทั้งหมดล่วงหน้าก่อนการเดินทางต้องขอวีซ่าเข้าประเทศญี่ปุ่น โดยให้บริษัททัวร์ดำเนินการให้ หรือทำด้วยตนเองก็ได้ต้องให้บริษัททัวร์ลงทะเบียนออนไลน์ในระบบ (ERFS) ล่วงหน้า เพื่อขอรับใบรับลงทะเบียนและไม่ต้องกักตัว

สำหรับประเทศไทยนั้น ได้ยกเลิกการกักตัวทุกรูปแบบตั้งแต่ 1 มิ.ย.โดยผู้ที่ได้รับวัคซีนตามข้อกำหนด แนบหลักฐานวัคซีนพร้อมกับเอกสารประกันสุขภาพวงเงินขั้นต่ำ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนกรณีที่ไม่ได้รับวัคซีนหรือรับวัคซีนไม่ครบตามข้อกำหนด ให้แสดงหลักฐานการตรวจโควิด-19 ได้ทั้งแบบ Professional ATK หรือ RT-PCR ที่ออกภายใน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง

อ้างอิง : Reuters, VOA

ติดต่อโฆษณา!