รัสเซียยิงขีปนาวุธถล่มยูเครนในวันชาติ พลเรือนเสียชีวิต 22 ราย

รัสเซียยิงขีปนาวุธถล่มยูเครนในวันชาติ พลเรือนเสียชีวิต 22 ราย
Highlight

ยูเครนจัดเฉลิมฉลองวันชาติแบบเงียบๆในสัปดาห์นี้ ห้ามรวมตัวชุมชุมเพื่อป้องกันการโจมตีจากรัสเซีย มีเพียงการจัดแสดงซากปรักหักพังของอาวุธยุทโธปกรณ์รวมทั้งรถถังบนท้องถนน แต่แล้วก็ไม่รอดเมื่อรัสเซียยิงขีปนาวุธถล่มเมืองแชปลินทางด้านตะวันออก มีผู้เสียชีวิต 22 รายและบาดเจ็บราว 50 ราย โดยสถานการณ์ตึงเครียดเพิ่มขึ้นนับตั้งแต่เหตุคาร์บอมชานกรุงมอสโกทำให้ ดาเรีย ดูกินา ลูกสาวคนสนิทปูติน เสียชีวิตเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ทั้งนี้การสู้รบของทั้งฝ่าย ดำเนินมาครบ 6 เดือนยังไม่รูผลแพ้ชนะ แต่สร้างความเสียหายมหาศาลทั้งด้านชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งเกิดวิกฤตอาหารโลกและราคาพลังงานสูงขึ้น


ทางการยูเครนเปิดเผยว่า รัสเซียได้ยิงขีปนาวุธใส่เมืองแชปลินทางตะวันออกของยูเครนเมื่อวานนี้ (24 ส.ค.) ซึ่งเป็นวันชาติของยูเครน และยังเป็นวันครบรอบ 6 เดือนนับตั้งแต่ที่รัสเซียบุกยูเครนด้วย โดยการโจมตีครั้งนี้ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิต 22 ราย

ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนเปิดเผยผ่านทางวิดีโอว่า เมืองแชปลินถูกรัสเซียโจมตี และรัสเซียจะต้องรับผิดชอบการกระทำของตนเอง โดยเมืองแชปลินเป็นเมืองขนาดเล็ก อยู่ห่างจากแคว้นโดเนตสก์ไปประมาณ 145 กิโลเมต

ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวว่า เขาได้ทราบข่าวการโจมตีเมืองแชปลินในภูมิภาคดนีปรอแปตร็อวสก์ขณะที่กำลังเตรียมตัวที่จะกล่าวกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ

“แชปลินคือความเจ็บปวดของเราในวันนี้ ณ ขณะนี้มีผู้เสียชีวิต 22 คน มีตู้โดยสาร 4 ตู้ที่ถูกไฟไหม้อยู่ในขณะนี้ จำนวนผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มสูงขึ้นอีก นี่คือวิธีที่รัสเซียเตรียมพร้อมสำหรับการประชุมยูเอ็นเอสซี” เซเลนสกีกล่าว และย้ำว่า ยูเครนจะทำให้รัสเซียต้องรับผิดชอบต่อทุกอย่างที่ได้ทำลงไป

ต่อมาผู้ช่วยของประธานาธิบดีเซเลนสกีออกแถลงการณ์ว่า กองกำลังรัสเซียได้โจมตีเมืองแชปลิน 2 ครั้ง ในครั้งแรกมีเด็กชายคนหนึ่งเสียชีวิตเมื่อขีปนาวุธตกใส่บ้านของเขา ขณะที่ขีปนาวุธลูกที่ 2 ที่พุ่งเข้าใส่สถานีรถไฟทำให้มีผู้เสียชีวิตอีก 21 ราย และเผารถไฟไป 5 ตู้

ด้านกระทรวงกลาโหมรัสเซียไม่ตอบคำถามในประเด็นดังกล่าวเมื่อถูกสอบถามไป แต่รัสเซียปฏิเสธตลอดมาว่าไม่เคยพุ่งเป้าโจมตีพลเรือน

นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ทวีตว่า การโจมตีสถานีรถไฟที่เต็มไปด้วยพลเรือนด้วยขีปนาวุธของรัสเซียสอดคล้องกับรูปแบบของความโหดร้าย เราจะเดินหน้าร่วมกับพันธมิตรจากทั่วโลกเพื่อยืนหยัดเคียงข้างยูเครน และทำให้เจ้าหน้าที่รัสเซียต้องรับผิดชอบ

ที่ปรึกษาของประธานาธิบดีเซเลนสกีกล่าวว่า รัสเซียหลีกเลี่ยงที่จะโจมตีเมืองหลักอย่างเคียฟ คาร์คีฟ มิโคลาอีฟ นิโคโปล และดนีปรอ ด้วยปืนใหญ่ อย่างไรก็ดีมีรายงานว่ามีเสียงไซเรนดังขึ้นอย่างน้อย 7 ครั้งในวันที่ 24 สิงหาคม ซึ่งตรงกับวันประกาศเอกราชของยูเครน

ทางการยูเครนจัดพิธี เฉลิมฉลองวันชาติครบ 31 ปี ตั้งแต่ยูเครนประกาศแยกตัวออกจากอดีตสหภาพโซเวียต ตามการลงประชามติที่ได้รับความเห็นชอบอย่างท่วมท้นจากชาวยูเครนเมื่อเดือนส.ค. 2534 ท่ามกลางสงครามต่อต้านการรุกรานจากกองทัพรัสเซียที่ยืดเยื้อมานานกว่า 6 เดือนแล้ว แต่การมีส่วนร่วมของชาวยูเครนจะดำเนินไปอย่างรัดกุมเนื่องด้วยความเสี่ยงต่อการถูกโจมตีจากรัสเซีย

พิธีฉลองวันชาติของยูเครนจัดขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศ แต่หลายพื้นที่ เช่น กรุงเคียฟและเมืองคาร์คีฟ ที่เป็นแนวรบทางภาคตะวันออก อยู่ภายใต้คำสั่งเคอร์ฟิวและห้ามชุมนุม ขณะที่กองทัพยูเครนนำบรรดาเศษซากรถถังและยุทโธปกรณ์ของกองทัพรัสเซียมาวางจัดแสดงตามท้องถนนที่กรุงเคียฟ

ด้านกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐออกแถลงการณ์เตือนชาวอเมริกันให้รีบเดินทางออกจากยูเครน โดยมีแนวโน้มว่ารัสเซียจะเพิ่มความรุนแรงในการโจมตียูเครน

“กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้รับข้อมูลว่า รัสเซียกำลังเพิ่มความพยายามในการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือนและที่ทำการของรัฐบาลยูเครนในช่วงหลายวันข้างหน้านี้” แถลงการณ์ระบุ

อย่างไรก็ตามเหตุคาร์บอมชานกรุงมอสโก เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมาเป็นเหตุให้ “ดาเรีย ดูกินา" บุตรสาวของ อเล็กซานเดอร์ ดูกิน นักเขียนและนักปรัชญาการเมืองชาตินิยมรัสเซีย  เสียชีวิตอย่างเป็นปริศนา รัสเซียกล่าวว่า เป็นฝีมือของทางยูเครน โดยทางการยูเครนปฏิเสธ ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดเพิ่มขึ้น ในช่สงก่อนวันชาติยูเครน

6 เดือนแห่งการสู้รบ ผลกระทบและความเสียหายครั้งใหญ่ในหลายมิติ

จากการทำสงครามกันมาครบรอบ 6 เดือนในวันที่ 24 สิงหาคม อ้างอิงสำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า จากการวิเคราะห์ข้อมูลจาก Armed Conflicted Location and Event Data Project องค์กรไม่แสวงหากำไรในสหรัฐฯ พบว่า นับจนถึงวันที่ 10 ส.ค. มีผู้เสียชีวิตในยูเครนแล้วมากกว่า 13,000 คน แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่าน่าจะมากกว่านั้น

ส่วนในแง่ยอดผู้อพยพละทิ้งบ้านเรือนนั้น สหประชาชาติ (UN) บอกว่า มีอย่างน้อย 12 ล้านคน มากกว่า 5 ล้านคนไปอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน และประเทศอื่น ๆ ในยุโรป และ 7 ล้านคนกระจายอยู่ยูเครนเอง อย่างไรก็ดี ผู้ลี้ภัยหลายพันคนได้เดินทางกลับไปยังยูเครนแล้ว โดยเฉพาะที่กรุงเคียฟ

สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) ประเมินว่า มีผู้ลี้ภัยราว 6.4 ล้านคนที่อพยพจากยูเครนไปยังยุโรปนับตั้งแต่เกิดสงครามจนถึงวันที่ 17 ส.ค.

ชาวยูเครนจำนวนหนึ่งเดินทางจากภูมิภาคลูฮันสก์และโดเนตสก์ ไปยังรัสเซีย ขณะที่ประธานาธิบดีปูติน ระบุว่า ทหารรัสเซียได้อพยพผู้คนราว 140,000 คนออกจากเมืองมาริอูโปล โดยไมมีใครถูกบังคับให้เดินทางไปรัสเซีย อย่างไรก็ดี อาสาสมัครหลายกลุ่มเปิดเผยว่า ได้ช่วยคนยูเครนหนีออกมาจากรัสเซีย

ในเวลาเดียวกันยังมีผู้ลี้ภัยจำนวนมากที่อพยพจากยูเครนไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างโปแลนด์ และเยอรมนี  

ด้านความเสียหาย ความเสียหายที่เกิดขึ้นตลอดหกเดือนที่ผ่านมาเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัด ทั้งจากบ้านเรือนประชาชน และตึกรามที่ถูกทำลาย  

Kyiv School of Economics ประเมินว่า นับจนถึงวันที่ 8 มิ.ย. มีบ้านเรือนได้รับความเสียหายเป็นมูลค่า 39,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และโครงสร้างพื้นฐานในยูเครนได้รับความเสียหายราว 104,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และตัวเลขจะยังเพิ่มสูงขึ้นอีก  

นอกจากนี้ยังมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางอาหารโลก และการขาดแคลนพลังงานในยุโรป

อ้างอิง : บางส่วนของบทความอ้างอิง Reuters,  BBC และ infoquest

ติดต่อโฆษณา!