สหรัฐฯ ขยี้จีนอีกรอบ! ส่งนักการเมืองชุด 3 เยือนไต้หวัน

สหรัฐฯ ขยี้จีนอีกรอบ! ส่งนักการเมืองชุด 3 เยือนไต้หวัน
Highlight

สหรัฐฯ ไม่สนคำขู่จากจีน ส่งนักการเมืองเยือนไต้หวันต่อเนื่อง เป็นชุดที่ 3 ในรอบนี้ นำโดยคณะของเอริค โฮลโคมบ์ ผู้ว่าการรัฐอินเดียนา ซึ่งเดินทางถึงกรุงไทเปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โฮลโคมบ์ระบุว่านี่เป็นการเยือนเพื่อกระชับความสัมพันธ์และการพัฒนาทางเศรษฐกิจทั้งไต้หวันและเกาหลีใต้ จีนไม่พอใจอย่างยิ่งและซ้อมรบอย่างหนักรอบเกาะไต้หวันในช่วงที่ผ่านมา จนสร้างความผวาให้กับญี่ปุ่นพันธมิตรใกล้ชิดของสหรัฐฯ ที่พบว่าบางครั้งมีขีปนาวุธตกลงในน่านน้ำของญี่ปุ่นด้วย และญี่ปุ่นกำลังยกระดับขีดความสามารถด้านขีปนาวุธวิถีไกลในการรับมือกับจีน


ความขัดแย้งจีน สหรัฐฯ และไต้หวัน ตึงเครียดต่อเนื่องนับตั้งแต่การเยือนไต้หวันของแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ที่ทำให้จีนตอบโต้ด้วยการซ้อมรบใหญ่รอบเกาะไต้หวัน โดยอ้างว่าท่าทีของสหรัฐฯ ไม่ต่างอะไรจากการละเมิดหลักการจีนเดียว แต่ล่าสุด ยังมีนักการเมืองสหรัฐฯ อีกชุด กำลังเยือนไต้หวันอยู่ในขณะนี้ รวมถึงเข้าพบประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน เพื่อแสดงให้เห็นความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างสหรัฐฯ และไต้หวัน โดยไม่สนท่าทีคุกคามจากจีน

การเยือนไต้หวันในครั้งที่ 3 ของนักการเมืองสหรัฐฯ ชุดล่าสุดนี้คือคณะของเอริค โฮลโคมบ์ ผู้ว่าการรัฐอินเดียนา ซึ่งเดินทางถึงกรุงไทเปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โฮลโคมบ์ระบุว่านี่เป็นการเยือนเพื่อ “การพัฒนาทางเศรษฐกิจ" นอกจากเยือนไต้หวันแล้วก็จะไปเกาหลีใต้ด้วย

โดยการเยือนครั้งนี้มีขึ้นหลังประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ เพิ่งลงนามประกาศใช้กฎหมายชิปส์ เพิ่มการสนับสนุนการผลิตชิปส์หรือเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯ ซึ่งแน่นอนว่าไต้หวันเป็นแหล่งผลิตชิปอันดับต้นๆของโลก ซึ่งเป็นวัตถุดิบและชิ้นส่วนสำคัญต่ออุตสาหกรรมเซมาคอนดักเตอร์ ในการต่อยอดผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีซึ่งเป็นอุตสาหกรรมชั้นนำของสหรัฐฯ

ทั้งนี้ จีนมองว่าการมีปฏิสัมพันธ์อย่างเป็นทางการระหว่างนักการเมืองสหรัฐฯ และรัฐบาลไต้หวัน เท่ากับเป็นการสนับสนุนให้ไต้หวันเป็นเอกราชจากจีน เนื่องจากจีนยังมองว่าไต้หวันเป็นมณฑลหนึ่งของตัวเองที่รอวันกลับมารวมชาติกันอีกครั้ง แม้ในความเป็นจริงแล้วไต้หวันจะมีองค์ประกอบครบไม่ต่างจากการเป็นประเทศหนึ่งก็ตาม

ที่ผ่านมารัฐบาลจีนมักชี้ว่า การเยือนไต้หวันของผู้แทนสหรัฐฯ เป็นการละเมิดหลักการจีนเดียว และทำลายความสัมพันธ์ระหว่างจีน -สหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหรัฐฯ ยืนยันมาเสมอว่า สหรัฐฯ ไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายจีนเดียวที่รับรองว่ามีรัฐบาลจีนเพียงรัฐบาลเดียว โดยสหรัฐฯ ยอมรับและมีความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการกับรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่

แต่ขณะเดียวกัน ก็ยังคงความสัมพันธ์อย่างไม่เป็นทางการกับไต้หวันภายใต้กฎหมายความสัมพันธ์ไต้หวัน หรือ Taiwan Relations Act ซึ่งทำให้หรัฐฯ ยังสามารถสานสัมพันธ์ไม่เป็นทางการกับไต้หวันได้ผ่านสำนักงานการค้าหรือสถาบันวัฒนธรรม และยังกำหนดให้สหรัฐต้องให้การช่วยเหลือไต้หวันในการป้องกันตัวเอง ทำให้สหรัฐฯ ยังขายอาวุธให้ไต้หวันได้ และสามารถคงสถานะพันธมิตรด้านความมั่นคงที่สำคัญที่สุดของไต้หวันด้วย

โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีไต้หวัน ระบุว่าทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความเห็นในเรื่องการกระชับความสัมพันธ์ไต้หวัน-สหรัฐฯให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น รวมทั้งการจัดโครงการแลกเปลี่ยนการเยี่ยมเยือนระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้งสองฝ่ายและความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ เทคโนโลยีและวัฒนธรรม

นับเป็นคณะผู้แทนจากสหรัฐฯชุดที่ 3 ที่มาเยือนไต้หวันในเดือนนี้ หลังนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯมาเยือนไต้หวันในช่วงเวลาสั้นๆเมื่อต้นเดือนนี้ ทำให้จีนไม่พอใจสหรัฐฯ จัดให้มีการซ้อมรบในพื้นที่โดยรอบเกาะไต้หวัน 1 สัปดาห์

ต่อมาคณะผู้แทนชุดที่ 2 ของสภาคองเกรสสหรัฐฯ นำโดย ส.ว.เอ็ด มาร์คีย์ ประธานคณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์ของวุฒิสภาสหรัฐฯ พร้อมสมาชิกสภาคองเกรสอีก 4 คนมาเยือนไต้หวันเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม โดยเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจเยือนภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก สร้างความไม่พอใจให้กับจีน ซึ่งมองไต้หวันเป็นอาณาเขตส่วนหนึ่งและถือเป็นการเข้ามาก้าวก่ายกิจการภายในของจีน

ความตึงเครียดในภูมิภาคยังสร้างความกังวลให้ญี่ปุ่นที่อยู่ใกล้เคียงด้วย โดยในช่วงที่จีนซ้อมรบรอบเกาะไต้หวันเมื่อช่วงต้นเดือน มีขีปนาวุธของจีนข้ามมาตกลงในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของญี่ปุ่นด้วย จนทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นแถลงประท้วง

ล่าสุด มีรายงานจากสื่อญี่ปุ่นว่า รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณาติดตั้งขีปนาวุธพิสัยไกล 1,000 ลูก เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการรับมือจีน

หนังสือพิมพ์โยมิอุริของญี่ปุ่นรายงานเมื่อวานนี้โดยอ้างอิงแหล่งข่าวจากรัฐบาลว่า ญี่ปุ่นจะดัดแปลงขีปนาวุธที่มีอยู่ด้วยการขยายพิสัยยิงให้ไกลขึ้นจาก 100 กิโลเมตร เป็น 1,000 กิโลเมตร

ขีปนาวุธดังกล่าวสามารถปล่อยจากเรือหรือเครื่องบิน โดยจะถูกนำไปประจำการอยู่ที่หมู่เกาะนันเซทางตอนใต้ของญี่ปุ่นเป็นหลัก และสามารถปล่อยขีปนาวุธได้ไกลถึงพื้นที่ชายฝั่งเกาหลีเหนือและจีน

อย่างไรก็ตาม กระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่นยังไม่ออกมาให้ความเห็นต่อรายงานนี้

อ้างอิง : รอยเตอร์, CNN, pptv

ติดต่อโฆษณา!