ผลสำรวจกิจกรรมที่ลูกอยากทำมากที่สุดในวันแม่ เที่ยว-กิน-ซื้อของขวัญ

ผลสำรวจกิจกรรมที่ลูกอยากทำมากที่สุดในวันแม่ เที่ยว-กิน-ซื้อของขวัญ
Highlight

วันแม่ปีนี้ ตรงกับวันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม และเป็นวันหยุดยาว หลายคนวางแผนทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัวและจัดทริปพาคุณแม่ทานข้าว ท่องเที่ยว รวมทั้งจัดหาของขวัญ ที่น่าประทับใจให้กับคุณแม่ ตามผลสำรวจของจากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ซึ่งเป็นเป็นผลพวงจากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว และความรุนแรงจากโรคโควิด-19 ลดน้อยลง วันหยุดยาวนี้คงสร้างบรรยากาศให้พื้นที่ต่างๆ คึกคักไม่น้อย ซึ่งคาดว่าจะมีเงินสะพัดกว่า 1 หมื่นล้านบาทเลยทีเดียว



ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจทัศนคติและพฤติกรรมของประชาชนเกี่ยวกับวันแม่ปี 2565 ซึ่งเป็นวันหยุดยาวช่วง 12-14 ส.ค. ว่า จะมีเม็ดเงินสะพัด 10,883.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 9% แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยว 870.67 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายกิจกรรมอื่น 10,012.65 ล้านบาท

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์ฯ เปิดเผยว่า วันแม่ปีนี้เม็ดเงินสะพัดมากกว่าปีก่อน 9% ขยายตัวสูงสุดในรอบ 10 ปีนับจากปี 2555 เพราะคนมองว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวแล้ว แต่เป็นการฟื้นแบบเปราะบาง โดยคนส่วนใหญ่มีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่คนบางส่วนก็ยังกังวลเรื่อง ค่าครองชีพ มีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ที่ปรับตัว ดีขึ้นเฉพาะภาคการท่องเที่ยวและส่งออก

ดังนั้นรัฐบาลยังจำเป็นต้องตรึงราคาพลังงาน และค่าไฟฟ้าต่อไปอีก เพื่อประคองให้เศรษฐกิจทั้งปีนี้เติบโตได้ 3-3.5% อัตราเงินเฟ้อที่ 6-6.5%

“วันแม่ปี 65 เงินสะพัดกว่า 1 หมื่นล้านบาท สูงสุดในรอบ 11 ปี  เนื่องจากประชาชนไม่ค่อยกังวลกับสถานการณ์โรคภัยไข้เจ็บ  ปีนี้ลูกๆวางแผนใช้จ่ายในการทำกิจกรรมร่วมกับแม่เพิ่มขึ้นถึง 40.2%” นายธนวรรธน์ กล่าว

จากสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงหยุดวันแม่แห่งชาติปีนี้ จากกลุ่มตัวอย่าง 1,288 ตัวอย่างทั่วประเทศ มีประมาณ 59.4% ยังไม่มีบุตร และส่วนใหญ่ 75.5% ยังอาศัยอยู่กับแม่ เนื่องจากเป็นครอบครัวเล็กและต้องการดูแลแม่

โดยปีนี้ มีการวางแผนใช้จ่ายในการทำกิจกรรมร่วมกับแม่เพิ่มขึ้นถึง 40.2%  เนื่องจากเป็นวันพิเศษ และเชื่อว่าเศรษฐกิจกำลังจะดีขึ้น เพราะมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น ส่วนอีก 36.5% วางแผนการใช้จ่ายลดลง เพราะยังมองว่าเศรษฐกิจไม่ดี  จึงต้องการประหยัด และมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น

สำหรับกิจกรรมส่วนใหญ่คือ พาแม่ไปทานข้าวนอกบ้าน คาดว่าใช้เงินเฉลี่ย 1,880 บาท / ไปทำบุญ เฉลี่ยประมาณ 1,541 บาท และพาไปเที่ยวต่างจังหวัดทั้งแบบไม่ค้างคืน ประมาณ 4,900 บาท  ส่วนแบบค้างคืน ใช้จ่ายมากกว่า 10,000 บาท

นอกจากนี้ยังเตรียมซื้อของขวัญ ทั้งทองคำ และเงินสด รวมไปถึงนำพวงมาลัยดอกไม้ และเครื่องดื่มบำรุงร่างกายเพื่อไหว้แม่

“ผลสำรวจนี้ ถือเป็นโพลแรก ที่สะท้อนชัดเจนถึงภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว หลังจากคนเริ่มคลายความกังวลกับสถานการณ์โควิด ทำให้เริ่มกลับมาใช้จ่ายมากขึ้น สอดคล้องกับข้อมูลของหลายหน่วยงาน เช่น ยอดขายรถ-ขายบ้าน และตัวเลขการการจับจ่าย ซึ่งมากจากการส่งออกที่ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง

ปีนี้ คาดว่าจะโต 5-8% รวมทั้งการท่องเที่ยวที่เริ่มดีขึ้น คาดว่า นักท่องเที่ยวจะเข้าไทย 8-10 ล้านคนในปีนี้ ทำให้เศรษฐกิจค่อยๆปรับตัวดีขึ้น” นายธนวรรธน์ กล่าว

จากการสำรวจทั้งสถานที่ท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ต่างจัดแคมเปญคึกคักต้อนรับวันแม่ในปีนี้ สำหรับคนที่ยังมองหา ที่กิน ที่เที่ยว ไม่ไกลบ้านในกรุงเทพ มีหลายที่ที่น่าสนใจ และสร้างความประทับใจให้คุณแม่และครอบครัวได้อย่างแน่นอน


ที่เที่ยวใกล้กรุงเทพ พาแม่ชิลได้

"วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร" หรือ "วัดโพธิ์ ท่าเตียน"

วัดสวยงามสร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นวัดเก่าแก่และเป็นวัดประจำรัชกาล 1 อีกด้วย เนื่องจากในสมัยรัชกาลที่ 1 ได้มีการสถาปนาวัดนี้ใหม่ โดยโปรดเกล้าให้สร้างพระอุโบสถ พระระเบียง พระวิหาร และบูรณะวัดนั่นเอง ภายในพระวิหาร ยังประดิษฐาน พระพุทธไสยาสน์ ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย ทางยูเนสโกยังได้ขึ้นทะเบียนวัดโพธิ์ให้เป็นมรดกความทรงจำโลกของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เมื่อมีนาคม พ.ศ. 2551 อีกด้วย

ปั่นจักรยาน ช้อปของกินที่ "บางกะเจ้า" จังหวัดสมุทรปราการ

ชวนมาปั่นจักรยานสูดอากาศบริสุทธิ์ สัมผัสพื้นที่สีเขียวใกล้กรุงกันที่บางกะเจ้า เพราะนอกจากจะได้ออกกำลังกายให้เลือดลมได้สูบฉีดแล้ว ยังได้เพลิดเพลินไปกับธรรมชาติ ชมวิวต้นไม้ใบหญ้าให้เย็นกายสบายตา เส้นทางศึกษาธรรมชาติ รวมถึงสักการะหลวงพ่อวัดบางน้ำผึ้ง เพื่อความเป็นสิริมงคล แถมก่อนกลับยังพาคุณแม่แวะเดินเล่นช้อปปิ้ง ชิมของอร่อยกันที่ตลาดน้ำบางน้ำผึ้งได้อีกด้วย

ใส่ชุดไทย ย้อนอดีตที่ "ณ สัทธา อุทยานไทย" จังหวัดราชบุรี

ชวนแม่ย้อนอดีตไปสมัยสุโขทัยกันที่ ณ สัทธา อุทยานไทย เพลิดเพลินกับการเรียนรู้และสนุกกับวัฒนธรรมไทย ตลอดจนได้ความรู้เรื่องของพระพุทธศาสนา ความศรัทธา ความรู้ คติธรรม ความเชื่อที่อยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน รวมถึงขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมไทยอีกด้วย งานนี้บอกเลยว่านอกจากจะได้ความรู้แล้ว ยังได้ถ่ายรูปกันจนเพลินแน่ ๆ และเพื่อเป็นการสร้างบรรยากาศ เพิ่มความสนุกมากยิ่งขึ้น ที่อุทยานแห่งนี้มีชุดไทยสวย ๆ เอาไว้ให้นักท่องเที่ยวได้เช่า ใส่เดินเล่นชิลย้อนยุคได้ 

ดูไดโนเสาร์ที่ "สวนนงนุช" จังหวัดชลบุรี

สวนนงนุช ชลบุรี สวนสวยระดับโลก พืชพรรณไม้นานาชนิด ร่มรื่น ที่ภายในเพียบพร้อมไปทั้งที่พัก สวนสวย ๆ หลากหลายโซน รวมถึงหุบเขาไดโนเสาร์และสวนลอยฟ้าที่ห้ามพลาด จนกลายเป็นแลนด์มาร์กสำคัญที่เหมาะสำหรับวันพักผ่อนของครอบครัว มีบริการรถนั่งชมสวน โดยสามารถลงแล้วถ่ายรูปตามจุดต่าง ๆ มาที่นี่ที่เดียวก็เก็บเกี่ยวความประทับใจได้ทั้งวันแน่ ๆ และรถกอล์ฟขับชมสวนส่วนตัวกับครอบครัวได้อีกด้วย

ดู "วาฬบรูด้า" จังหวัดสมุทรสาคร

ทริปล่องเรือชมวาฬบรูด้า ที่สมุทรสาคร ในทะเลอ่าวไทยตอนบน ใกล้ ๆ กรุงเทพฯ โดยสามารถพาแม่ไปเที่ยวได้อย่างสะดวกสบาย เพราะนั่งเรือลำใหญ่ล่องไปในทะเลอ่าวไทยประมาณ 6-8 ชั่วโมง แถมในระหว่างกิจกรรมก็มีวิทยากรให้ความรู้เกี่ยวกับวาฬบรูด้าด้วย ควรเตรียมหมวก แว่นกันแดด เสื้อแขนยาว ครีมกันแดด ไปให้พร้อม

"กินลม ชมสะพาน"

ร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยา สุดชิล ที่ตอบโจทย์ของความผ่อนคลายด้วยบรรยากาศโรแมนติกริมแม่น้ำเจ้าพระยา และแสงไฟสีส้มสลัวที่สะท้อนกับพื้นน้ำของสะพานพระรามแปด ให้ความรู้สึกรีแลกซ์ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีเมนูอาหารไทยอร่อยๆ ให้คุณแม่ได้เลือก รับรองว่าตอบโจทย์ทุกคนในครอบครัว

"A Malika" เกษตร นวมินทร์

ร้านอาหารไทยที่เปิดมาอย่างยาวนานในย่านเกษตร-นวมินทร์ ตกแต่งสวยงาม เหมาะมาทานกับครอบครัว มีทั้งห้องแอร์และเอาต์ดอร์ บรรยากาศร่มรื่น ต้นไม้เยอะ ส่วนเมนูอาหารมีเยอะมากโดดเด่นเรื่องรสชาติและความพิถีพิถันจริงๆ

ทั้งหมดนี้พอเป็นสังเขป..ปีนี้น่าจะเห็นบรรดาลูกๆ พาคุณแม่เปลี่ยนบรรยากาศ ท่องเที่ยว ทำบุญ และรับประทานอาหารอร่อยอย่างหนาตากว่าปีก่อน บรรยากาศที่อบอุ่น จะกลับมาอีกครั้งหลังจากการระบาดโควิด-19 ลดความรุนแรงลง

ข้อมูล : Wangnai, travel.kapook

ติดต่อโฆษณา!