สธ.พบผู้ป่วยฝีดาษลิงรายที่ 2 ในพื้นที่ กทม. ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 10 ราย

สธ.พบผู้ป่วยฝีดาษลิงรายที่ 2 ในพื้นที่ กทม. ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 10 ราย
Highlight  

กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ยืนยันพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงในประเทศไทยรายที่ 2  เป็นชายไทย อายุ 47 ปีในเขตพื้นที่ กทม.เข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.พบประวัติ มีเพศสัมพันธ์กับชายต่างชาติหนึ่งสัปดาห์ก่อนป่วย โดยมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ มีตุ่มหนองขึ้นทั่วร่างกาย และตรวจผลแล็บยืนยันติดเชื้อ Monkeypox virus หรือฝีดาษลิง สธ. ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก เนื่องจากโรคฝีดาษลิงไม่ใช่โรคติดต่อร้ายแรง และเป็นโรคที่สามารถรักษาหายขาดได้ 

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ได้รับรายงานจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ว่าได้พบผู้ป่วยโรคฝีดาษวานร (Monkey pox) หรือฝีดาษลิง รายที่ 2 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครนั้น ขณะนี้ได้รับการยืนยันว่าเป็นข้อมูลจริง โดยขอให้ประชาชนรอฟังการแถลงข่าวเพื่อให้รายละเอียด โดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ต่อไป

อย่างไรก็ตาม ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก เนื่องจากโรคฝีดาษวานรไม่ใช่โรคติดต่อร้ายแรง และเป็นโรคที่สามารถรักษาหายขาดได้ และสามารถเข้ารับการรักษาฟรีตามสิทธิของประชาชนทุกคน

ทั้งนี้ นายอนุทิน ได้ย้ำก่อนหน้านี้ว่าแม้จะเป็นช่วงวันหยุด แต่กระทรวงสาธารณสุขยังเฝ้าระวังทั้งโรคโควิด-19 และฝีดาษลิง พร้อมได้ได้สั่งการไปยังสถานพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทุกแห่ง หากพบผู้ป่วยเข้าเกณฑ์ ให้ดำเนินการเก็บตัวอย่างส่งตรวจยืนยันที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ขณะที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ได้ประสานความร่วมมือไปยังสถานพยาบาลเอกชนให้ดำเนินการไปในทิศทางเดียวกับการเฝ้าระวังโควิด-19

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า ผู้ป่วยเป็นชายไทย อายุ 47 ปี ประวัติมีเพศสัมพันธ์กับชายต่างชาติ ไม่ทราบสัญชาติ และให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เริ่มมีอาการปวดเมื่อยตามตัวเมื่อ 1 สัปดาห์ก่อน และมีตุ่มหนองที่อวัยวะเพศ ได้แยกตัวจากคนในบ้านซึ่งมีผู้สัมผัสร่วม 10 ราย ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจหาเชื้อ และให้สังเกตอาการ 21 วัน

ต่อมาผู้ป่วยไปซื้อยามาทา ทำให้ตุ่มหนองแห้ง แต่เริ่มขึ้นใหม่บริเวณแขน ขา ใบหน้า ศีรษะ และได้เข้ามารักษาที่ รพ.ด้วยอาการผื่นและอวัยวะเพศบวม เจ็บ แสบ ได้เก็บตัวอย่างส่งตรวจ หาเชื้อก่อโรค โดยห้องปฏิบัติการ (แล็บ) ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สธ. และห้องปฏิบัติการ ที่คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผลการตรวจ PCR ทั้ง 2 แห่ง ตรงกัน พบเชื้อ Monkeypox virus

“ขณะนี้ให้ผู้ป่วยรักษาในห้องแยกเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ ซึ่งผู้ป่วยรายดังกล่าวเป็นชายไทยรายแรกของประเทศ และเป็นรายที่ 2 ที่ตรวจพบการติดเชื้อฝีดาษลิงในประเทศไทย หลังจากที่ตรวจพบรายแรกเป็นชายชาวไนจีเรีย

“ขณะนี้ได้ส่งทีมไปสอบสวนโรคเพิ่มในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง พร้อมค้นหาผู้สัมผัสเสี่ยงสูง และเร่งติดตามตัวชายชาวต่างชาติแล้ว และเน้นย้ำว่า โรคฝีดาษวานรไม่ได้ติดต่อกันได้ง่าย ๆ ซึ่งจะติดต่อได้จากการสัมผัสใกล้ชิดมาก ๆ จึงขอให้กลุ่มเสี่ยงเพิ่มความระมัดระวัง และลดการสัมผัสใกล้ชิดกับคนแปลกหน้า เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อฝีดาษวานร และป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นอีกด้วย”นพ.โอภาสกล่าว

20220729-b-01.jpg
ผู้ป่วยฝีดาษลิงทั่วโลก 20,849 ราย

สำหรับสถานการณ์โรคฝีดาษวานรทั่วโลก (ข้อมูล ณ วันที่ 27 กรกฎาคม 2565) ผู้ป่วยยืนยันทั่วโลก 20,849 ราย พบผู้ป่วยยืนยันเพิ่มขึ้นเป็น 74 ประเทศ โดยพื้นที่การแพร่ระบาดส่วนใหญ่พบอยู่ในแถบทวีปยุโรป ประเทศที่มีผู้ป่วยสูง 5 ลำดับแรก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา 4,639 ราย สเปน 4,001 ราย เยอรมนี 2,459 ราย สหราชอาณาจักร 2,367 ราย และฝรั่งเศส 978 ราย ส่วนใหญ่เป็นเพศชายเกือบทั้งหมด

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ หรือ "หมอธีระ" คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ข้อมูลเรื่อง ฝีดาษลิง โดยระบุว่า หากดูตามแผนที่การระบาด ก็จะเข้าใจชัดเจนว่า ระบาดไปทั่วโลก และเป็นเหตุให้องค์การอนามัยโลก ประกาศให้เป็นปัญหาฉุกเฉินด้านสาธารณสุข  

นพ.หมอธีระ ระบุว่า ลักษณะการติดเชื้อ แพร่เชื้อ มาในแนวเดียวกับเอชไอวี HIV สมัยหลายสิบปีก่อน แม้ฝีดาษลิงจะติดผ่านการสัมผัสเป็นหลัก แต่ก็สัมพันธ์กับกิจกรรมทางเพศในกลุ่มจำเพาะ เช่น เกย์ ไบเซ็กชวล ฯลฯ เป็นส่วนใหญ่  

หลักฐานวิชาการปัจจุบัน มีการตรวจพบสารพันธุกรรมของไวรัสฝีดาษลิงในแหล่งอื่น นอกจากแผลตุ่มหนองตามผิวหนัง เช่น อสุจิ เลือด ปัสสาวะ ฯลฯ ซึ่งก็จำเป็นต้องระวัง และเฝ้าติดตามว่าจะมีส่วนในการทำให้ติดเชื้อแพร่เชื้อได้ในชีวิตจริงหรือไม่

นโยบายควบคุมป้องกันโรค และระบบเฝ้าระวังติดตามกำกับ รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนให้ทันต่อเวลาจึงเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง มิฉะนั้นหากหลุดรอด มีการแพร่เชื้อไปได้ต่อเนื่องในชุมชน ก็จะมีโอกาสเห็นการระบาดเหมือนเอชไอวีสมัยก่อนได้  

คนที่เป็นกลุ่มเสี่ยง รวมถึงคนที่อยู่ในอุตสาหกรรมบริการ ที่ต้องมีการสัมผัสใกล้ชิด ต้องระมัดระวัง หมั่นสังเกตอาการผิดปกติ ทั้งของผู้อื่นและตนเอง ถ้าสงสัยควรรีบปรึกษาแพทย์ และตรวจรักษาตอนนี้เคสรวมทั่วโลกใกล้ 20,000 แล้ว อัตราการเพิ่มยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ ผลการศึกษา นำโดยนักวิจัยจากควีนแมรีมหาวิทยาลัยลอนดอน ตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์ เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พบว่า ผู้ป่วยฝีดาษลิง สัดส่วนถึง 95 เปอร์เซ็นต์เป็นการติดเชื้อผ่านกิจกรรมทางเพศ

ผลศึกษาพบด้วยว่า ค่าเฉลี่ยคู่นอนของผู้ติดเชื้อในช่วง 3 เดือนหลังสุดอยู่ที่ 5 คน ขณะที่ 1 ใน 3 ของผู้ป่วยทั้งหมด เดินทางไปสถานที่ต่าง ๆ และมีเพศสัมพันธ์ เช่น ปาร์ตี้ และเซาน่าในช่วงเดือนที่ผ่านมา

20220729-b-02.jpg

ทั้งนี้ทีมวิจัยเน้นย้ำว่า ฝีดาษลิงไม่ใช่การติดเชื้อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ แต่สามารถติดเชื้อผ่านการสัมผัสใกล้ชิด รวมไปถึงติดเชื้อผ่านละอองฝอย ทางเดินหายใจ ผ่านเสื้อผ้า และพื้นผิวอื่น ๆ ได้เช่นกัน แต่งานศึกษาล่าสุดนั้น แสดงให้เห็นว่า การแพร่ระบาดส่วนใหญ่ เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางเพศ และส่วนใหญ่แต่ไม่ทั้งหมด เกิดขึ้นกับกลุ่มผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย

ติดต่อโฆษณา!